ท.ทหารปากเหว

เพลง “หนักแผ่นดิน” ดังกระหึ่มทั่วค่ายทหาร ราวกับบ้านเมืองย้อนยุคไปสมัยวิทยุยานเกราะ ก่อน 6 ตุลา 2519 เพียงเพราะพรรคการเมืองประกาศนโยบายเลิกเกณฑ์ทหาร ลดงบกลาโหม


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง  

เพลง “หนักแผ่นดิน” ดังกระหึ่มทั่วค่ายทหาร ราวกับบ้านเมืองย้อนยุคไปสมัยวิทยุยานเกราะ ก่อน 6 ตุลา 2519 เพียงเพราะพรรคการเมืองประกาศนโยบายเลิกเกณฑ์ทหาร ลดงบกลาโหม

พวกอนุรักษนิยมฟังแล้วฮึกเหิมลำพอง ถึงอย่างไรก็มีกองทัพปกป้อง ถ้าพรรคฝั่งตรงข้ามชนะ หรือพรรคผู้ร้ายหน้าใหม่ หน้าหล่อ ขาย “ยาบ้าทางการเมือง” ให้คนรุ่นใหม่ได้กว้างขวาง ก็ยังมีกองทัพไว้ทำรัฐประหาร

แต่ทหารอาชีพที่มีสติ มีปัญญา (ถ้ายังมีเหลืออยู่นะ) ฟังแล้วคงหนักใจ เพราะการระเบิดอารมณ์ตอบโต้พรรคการเมืองที่เสนอนโยบายเลิกเกณฑ์ทหาร ตัดงบกลาโหม ปฏิรูปกองทัพ ฯลฯ ด้วยการไล่ให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” ไม่ส่งผลดีเลยต่อภาพลักษณ์ทหาร ที่หนักหนาเอาการอยู่แล้ว ภายใต้การปกครอง 5 ปีของรัฐบาล คสช.

คืออย่างน้อย ถ้าทหารไม่เห็นด้วยกับการเลิกเกณฑ์ทหาร ตัดงบ ก็ต้องชี้แจงแสดงเหตุผลความจำเป็น เรียกร้องให้พรรคการเมืองแจกแจง ว่าจะตัดงบตรงไหนอย่างไรบ้าง แล้วให้ประชาชนตัดสินผ่านการเลือกตั้ง

ไม่ใช่ออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจ แกมข่มขู่ เปิดเพลงสัญลักษณ์ของการเข่นฆ่าคนเห็นต่าง ปลุกใจกำลังพลให้เห็นพรรคการเมืองเป็นศัตรู ซึ่งนอกจากไร้เหตุผล ยิ่งทำให้ประชาชนมองว่าทหารกำลังปกป้องชามข้าวตัวเองอยู่

อดคิดไม่ได้ว่านี่ถ้าเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนก่อน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท คงมีวิธีตอบสื่อได้นุ่มเนียนกว่า คงไม่พาตัวเองและกองทัพออกมาล่อเป้าโดยไม่จำเป็น

เข้าใจไว้นะ ทหารมีปืนรถถังจะทำรัฐประหารเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การเมืองนำการทหารเสมอ ขืนใช้กำลังใช้ความมุทะลุห้าวเป้งอย่างเดียวมีแต่พังกับพัง ยังไงก็ต้องรู้จักใช้วาจาท่าที ใช้ปฏิบัติการจิตวิทยา ตามสถานการณ์

ภาพลักษณ์ทหารหลัง 5 ปี คสช.เป็นอย่างไร ก็ให้ดูท่าทีประยุทธ์ เดินสายไปไหนเป็นต้องถาม เกลียดทหารไหม อย่าเกลียดทหารนะเออ ถ้าประชาชนรักทหาร จะต้องถามทำไม แสดงว่าลุงก็รู้อะไร ๆ อยู่

5 ปีคสช. ไม่ต้องพูดเรื่องหลักการ ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ปฏิปักษ์ประชาธิปไตย ฯลฯ ซึ่งคนฝ่ายหนึ่งต่อต้าน เอาเรื่องกว้าง ๆ สำหรับคนทั่วไป ชัดเจนที่สุด คือรัฐบาลทหารบริหารเศรษฐกิจไม่ได้ผล ประชาชนบ่นปัญหาปากท้องตลอด 5 ปี เศรษฐกิจอย่างนี้ยังทุ่มซื้ออาวุธ โดยเฉพาะเรือดำน้ำ ที่คนค้านทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วเวลามีเรื่องที่ประชาชนข้องใจว่าไม่โปร่งใส ก็ปกป้องกันเอง นอกจากนี้ ทหารยังพาเหรดไปเป็นรัฐมนตรี เป็น สนช. เป็น สปท. เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ รับเบี้ยหลายทาง รัฐธรรมนูญยังจะให้ 6 ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง เป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ

ในระดับพื้นที่ ก็เป็นครึ่งทศวรรษที่ “ทหารเป็นใหญ่” เข้าไปจัดระเบียบสังคม เข้าไปมีอำนาจกำกับระบบราชการ ควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่สถานบริการไปถึงโครงการประชารัฐ ไทยนิยม เอาง่าย ๆ ลองปลอมตัวไปถามข้าราชการด้วยกัน “เกลียดทหารไหม” ถ้าปลอมได้เนียนก็จะได้คำตอบที่แท้จริง

ว่าที่จริง เรื่องงบทหารนอกจากซื้อรถถังซื้อเรือดำน้ำ ปัญหางบประมาณล้นเกิน นายพล 2,000 คน ฯลฯ หรือการเกณฑ์ทหาร ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องมานาน ที่เรื่องทั้งหมดมันประดัง ก็เพราะรัฐบาลทหารครองอำนาจนานเกิน บริหารประเทศไม่ได้ผล ตรวจสอบก็ไม่ได้ กลับมาเทศน์สั่งสอน จนคนเบื่อ คนแอนตี้ แล้วกระแสก็ตีกลับไปที่ทหารบ้าง ว่าดีนักหรือไง ตัดงบทหารเสียดีไหม

ทหารอาชีพ (ถ้ามี) ควรคิดให้หนักว่าสภาพการณ์อย่างนี้ จะถอยกลับกรมกองแบบประคองตัวให้เสียหายน้อยที่สุดอย่างไร ไม่ใช่อวดอำนาจ ปลุกสู้ ซึ่งจะถลำลงไปอีก

 

Back to top button