ROBINS โตได้อีก!

ตีแผ่บจ.ดัง

คุณสมฤดี จากบางหว้า กรุงเทพฯ พูดถึงกระแสข่าวที่เกี่ยวข้องกับหุ้น ROBINS หรือ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในช่วงที่ผ่านมามีแต่เรื่องดี ๆ ซึ่งดิฉันเข้าใจว่าเป็นผลมาจากกำไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัว และมีโอกาสทำกำไรได้เพิ่มขึ้นในอนาคต จนเป็นที่มาของข่าวที่พูดกันว่า นับจากนี้บริษัทแห่งนี้จะโตอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายว่า บริษัทนี้จะโตได้จริงไหมคะ

 

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ROBINS อาจมีออกมาไม่มากสักเท่าไหร่ ซึ่งตัวอาจารย์เข้าใจว่า ผู้บริหารกำลังยุ่งอยู่กับการขยับขยายกิจการ จึงไม่ค่อยมีเวลาออกมาสัมภาษณ์สื่อต่าง ๆ แต่จากที่เคยได้อ่านจากแผนงานที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นหุ้นดาวรุ่งพุ่งแรงตัวหนึ่งที่น่าจับตามากสุดในปีหน้า

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากธุรกิจของ ROBINS เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก จึงเชื่อได้ว่า การเติบโตของธุรกิจจะเป็นแบบขั้นบันได ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสินค้าในแนวระนาบมากขึ้น ส่งผลให้ยอดรายได้และกำไรในปี 2560 น่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2559 ทีเดียวนะครับ

วิเคราะห์แบบนี้อาจทำให้นักลงทุนมองไม่เห็นภาพสักเท่าไหร่

อาจารย์จึงขอยกตัวอย่างคร่าว ๆ เพื่อให้นักลงทุนเห็นภาพได้ชัดขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกันครับ

สิ่งที่ทุกคนรู้คือ ROBINS ถูกจัดวางอยู่ในธุรกิจค้าปลีกประเภทห้างสรรพสินค้าในนามห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซึ่งมีสาขาครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้แบรนด์ของบริษัทนี้โดดเด่นอย่างมากในต่างจังหวัด

ประเด็นถัดมาคือ ในแต่ละปี ROBINS จะมีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยอดขายของสาขาใหม่มักช่วยดันยอดรายได้และกำไรให้เติบโตได้เป็นประจำ ซึ่งทำให้การลดลงของยอดขายของสาขาเดิมไม่กระทบตัวเลขของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

ที่สำคัญคือข้อมูลข้างต้นเหมือนเป็นการบอกเป็นนัยว่า บริษัทยังมีโอกาสเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อันเป็นผลมาจากทิศทางของการเมืองมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้การลงทุนต่าง ๆ เริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง จนผู้คนมากมายคาดหวังถึงเงินในระบบธุรกิจต่าง ๆ จะสะพัดขึ้นกว่าเดิม

โดยความคาดหวังดังกล่าวดูได้จากตลาดหุ้นกลับมามีความคึกคักอักครั้ง ดัชนีทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงจนทะลุแนวต้าน 1,650 จุด นักลงทุนกลุ่มสถาบันย้อนกลับมาไล่ราคาหุ้นบลูชิพ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงหุ้น ROBINS ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นหุ้นที่ได้รับผลดีโดยตรงจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

ส่วนนักลงทุนจะเชื่อตามที่อาจารย์ประเมินหรือเปล่า ? ก็ใช้วิจารณญาณส่วนตัวตัดสินกันเอาเองนะครับ

สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

…