พาราสาวะถี

ขึ้นชื่อว่านักการเมืองเต็มขั้น สิ่งที่ต้องทำให้ได้โดยไม่ต้องรู้สึกเคอะเขินหรือละอายใจคือ อย่าสนใจว่าในอดีตเคยพูดอะไรไปบ้าง อย่าใส่ใจว่าในอดีตเคยทำอะไรไว้บ้าง และไม่ต้องให้ค่าให้ราคากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ว่าเสียงที่ทักท้วงเหล่านั้นจะพูดถึงความจริงที่ปรากฏต่อสาธารณชนอย่างไรก็ตาม


อรชุน

ขึ้นชื่อว่านักการเมืองเต็มขั้น สิ่งที่ต้องทำให้ได้โดยไม่ต้องรู้สึกเคอะเขินหรือละอายใจคือ อย่าสนใจว่าในอดีตเคยพูดอะไรไปบ้าง อย่าใส่ใจว่าในอดีตเคยทำอะไรไว้บ้าง และไม่ต้องให้ค่าให้ราคากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ว่าเสียงที่ทักท้วงเหล่านั้นจะพูดถึงความจริงที่ปรากฏต่อสาธารณชนอย่างไรก็ตาม

เหมือนพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ รากที่มาเป็นอย่างไรคนไทยทั้งประเทศรู้กันเป็นอย่างดี และไม่ต้องพูดถึงด้วยว่าผู้บริหารพรรคในปัจจุบันมีสายสัมพันธ์อย่างไรกับคนในรัฐบาลโดยเฉพาะหัวหน้าเผด็จการ มิเช่นนั้น คงไม่เสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค สิ่งสำคัญคือคงไม่มีใครลืมว่าผู้นำเผด็จการนั้นเคยพูดดูถูกดูแคลนนักการเมืองอย่างไรหลังการยึดอำนาจจนถึงก่อนที่ตัวเองจะประกาศตัวเป็นนักการเมือง

ตอกย้ำกันเป็นแผ่นเสียงตกร่องคือ นักการเมืองชั่วนักการเมืองเลว ก่อนหน้านั้นพูดว่าอย่าเลือกแบบเดิมจะได้แบบเดิม แต่เดี๋ยวนี้ไม่กล้าพูดเพราะในพรรคที่ตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น มีแต่ของเดิมที่ไปดูดมาจากพรรคการเมืองต่าง ๆ จึงต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ไปในทำนองต้องเลือกคนและพรรคที่เสนอนโยบายที่สามารถทำได้ ปฏิบัติจริงและไม่เป็นภาระงบประมาณ

ทั้ง ๆ ที่เพิ่งประกาศตัวเป็นนักการเมืองและการเป็นผู้บริหารประเทศตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมาก็ใช้อำนาจพิเศษ ไร้การตรวจสอบ สภาที่มีอยู่ก็เป็นแค่หุ่นเชิดตรายาง ทุกอย่างสั่งได้ดั่งใจ ได้แม้กระทั่งการใช้อภินิหารกฎหมายในการบังคับใช้กฎหมายให้ล่าช้าออกไป เพื่อความได้เปรียบแบบสุด ๆ ของคนกุมอำนาจ แต่พอจะเล่นการเมืองต่อกลับตำหนินโยบายของพรรคอื่นว่าทำไม่ได้แล้วตั้งข้อกังขาว่าจะไปเอาเงินมาจากไหน

ความจริงกรณีนี้มันก็เข้าอีหรอบเดียวกับที่ท่านผู้นำพูดถึงส.ว.ลากตั้งว่ามีสมอง แล้วบอกฝ่ายโจมตีว่าอย่าหวงความรักประเทศชาติ รักประชาธิปไตยอยู่แต่เพียงพรรคการเมือง นักการเมืองนั่นแหละ เพราะตัวท่านเองก็หวงอำนาจที่ตัวเองมีอยู่เหมือนกัน จึงไปพูดทุกเวทีในทำนองดูแคลนพรรคการเมืองอื่น ๆ ว่า ทำไม่ได้ ระวังจะทำผิดกฎหมายงบประมาณ ไม่มีวินัยการเงิน การคลัง

ตรงนั้นมันก็คือการบอกให้คนทั่วไปรู้ว่ามีแต่ข้าและพวกข้าเท่านั้นที่ทำได้ เข้าใจได้ว่าด้วยกฎหมายที่องคาพยพเผด็จการเขียนกันขึ้นมา ย่อมเข้าใจถ่องแท้ว่าวางกับดักอะไรไว้บ้าง จึงพล่ามเตือนนักการเมืองที่ไม่ใช่พวกอยู่ตลอดเวลา แต่พรรคที่เสนอชื่อตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ยักเห็นพูดถึง ยิ่งล่าสุดที่ประกาศจะอัพเงินช่วยเหลือชาวนา นี่ยิ่งกว่าประชานิยมเรียกว่าโคตรประชานิยมเลยก็ว่าได้

พอจะเข้าใจได้ ฝ่ายจ้องสืบทอดอำนาจย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองชนะ แต่ที่มันน่าหัวร่อก็คือ เวลาไปขึ้นเวทีปราศรัยช่างพูดได้ไม่อายปาก เหมือนอย่างที่ไปประกาศที่กระบี่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอโอกาสให้กับพรรคสืบทอดอำนาจบ้าง อย่ายึดติดกับกลุ่มการเมืองเดิม ๆ ทำตัวเป็นพวกความจำสั้นไปชั่วขณะ เพราะพอหันหลังไปมองพวกเดียวกัน ก็คนหน้าเดิม กลุ่มเดิมที่ไปดูดพรรคอื่นเขามาเกือบทั้งพรรคนั่นแหละ

ความจริงก็ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนเหมือนที่ย้ำมาโดยตลอด ไม่มีเผด็จการที่ใดในโลกที่จะไม่หน้าทน เพียงแต่ว่าเผด็จการในไทยที่ชื่อว่าคสช. เนื่องจากผู้นำมีความต้องการสืบทอดอำนาจและอยากให้คนมองตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีไร้แรงกระเพื่อม จึงพยายามทำตัวเป็นผู้ดี เป็นผู้นำเผด็จการนิสัยดีด้วยการขอโทษทีหลังในทุกเรื่องที่ตัวเองได้พูดหรือทำลงไปแล้วกลายเป็นผลด้านลบ

ที่ผ่านมา ก็ไม่แน่ใจว่าคนไทยใจดีจึงให้อภัยหรือไม่รู้จะพูดยังไง เพราะหากวิจารณ์อะไรไปก็เสี่ยงต่อการถูกเรียกไปปรับทัศนคติหรือไม่ก็ถูกกฎหมายพิเศษเล่นงาน เลยทำให้หัวหน้าเผด็จการของประเทศไทยคนล่าสุด กลายเป็นเผด็จการที่ขอโทษมากที่สุดในโลก เหมือนอย่างที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ค่อนขอดมา

ขณะที่การเลือกตั้ง 24 มีนาคม จะเป็นไปในลักษณะใดยังไม่มีใครทราบได้ แต่คนส่วนใหญ่ต่างปักใจเชื่อไปแล้วว่า ถ้าได้เลือกตั้งพรรคสืบทอดอำนาจจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแน่ ไม่ว่าจะแพ้เลือกตั้งเข้ามาในอันดับ 2 หรือ 3 ก็ตาม ด้วยมีต้นทุนของส.ว.ลากตั้งที่รอจะโหวตหัวหน้าเผด็จการกลับมาสืบทอดอำนาจไว้เป็นประเดิมอยู่แล้ว 250 เสียง

แน่นอนว่า การปักใจเชื่อประการต่อมาคือ พรรคที่จะจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคเผด็จการสืบทอดอำนาจก็คือ ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย พรรคหลังนั้นชัดว่าด้วยแนวทางที่เป็นมิตรกับทุกฝ่าย ใครก็ได้ถ้าเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลพรรคการเมืองนี้พร้อมเข้าร่วม ส่วนเงื่อนไขนั้นต้องดูที่จำนวนเสียงส.ส.ถ้าอยู่ในจำนวนที่มากพอ ก็อาจจะต้องขอกระทรวงเกรดเอเป็นข้อแลกเปลี่ยน เหมือนอย่างที่พรรคเก่าแก่เคยโดนมาแล้วคราวตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

ด้านพรรคเก่าแก่ คงไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่อ้างเรื่องหลักการ ความยึดโยงกับประชาชนและระบอบประชาธิปไตย ก็เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าในการเลือกตั้งเท่านั้น พฤติกรรมทางการเมืองที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ ยิ่งล่าสุดได้เห็นความเห็นของทั้งหัวหน้าพรรคและบรรดาระดับนำทั้งหลายต่อประเด็นงบประมาณกระทรวงกลาโหมแล้ว มันส่อแสดงให้เห็นความเป็นพรรคที่ยากจะมีใครเลียนแบบได้ มีทั้งตำหนิ โอบอุ้มกองทัพและสาดโคลนพรรคคู่แข่งไปในตัว

ความจริงการเมืองไทยที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ใครเป็นใคร พวกไหนเป็นพวกไหน คนทั่วไปอ่านกันได้ เพียงแต่ว่าบางเรื่องหากยึดกันตามแนวทางที่เป็นหลักการอย่างเคร่งครัดและตรงไปตรงมา คนส่วนใหญ่ก็จะไว้วางใจและเชื่อมั่น แต่เนื่องจากมันมีตัวแปรสารพัด โดยเฉพาะพวกอีแอบ มือที่มองไม่เห็น ที่คอยเข้ามาบงการ หนุนหลังให้เกิดการชิงชัยกันแบบไม่เป็นธรรม จนเกิดเสียงวิจารณ์เรื่องพวกมีเส้นกับพวกถูกเล่นอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อเดินกันอยู่แบบนี้ก็อย่าไปเที่ยวบอกอารยประเทศให้ขายขี้หน้าว่าการเมืองไทยปฏิรูปแล้ว

Back to top button