KCE โตต่อเนื่อง

KCE ยังคงเป็นผู้ที่ทำผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจหลักอย่างแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ PCB ซึ่งเป็นแผ่น Epoxy Glass ที่มีสื่อนำไฟฟ้า เช่น ตะกั่วทองแดงเคลือบอยู่ และผลิตแผ่น PCB หลายชั้น ซึ่งเป็นชิ้นส่วนพื้นฐานสำคัญในการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคม อุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกชนิด


มาตรฐานความแข็งแกร่งของบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ยังคงเป็นผู้ที่ทำผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจหลักอย่างแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ PCB ซึ่งเป็นแผ่น Epoxy Glass ที่มีสื่อนำไฟฟ้า เช่น ตะกั่วทองแดงเคลือบอยู่ และผลิตแผ่น PCB หลายชั้น ซึ่งเป็นชิ้นส่วนพื้นฐานสำคัญในการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคม อุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกชนิด

โดยอดีตที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจริงๆ ดูจากในช่วงปี 2554-2557 ซึ่งในปี 2554 บริษัทมีกำไรสุทธิ 132.02 ล้านบาท ต่อมาในปี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 712.33 ล้านบาท ส่วนในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,173.50 ล้านบาท และในปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,109.77 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,944.88 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,806.35 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 511.14 ล้านบาท หรือ 0.90 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 439.43 ล้านบาท หรือ 0.89 บาทต่อหุ้น

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจ พบว่า ฐานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 5,730.43 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 5,468.52 ล้านบาท แล้วนำตัวเลขมาคำนวณได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.05 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังพอที่จะดำเนินโครงการใหม่ในอนาคต

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้บริษัทจะมีหนี้สินรวม 8,611.81 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 6,939.57 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.24 เท่า แสดงว่า ปัญหาหนี้สินที่มีอยู่ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินงานของบริษัท เพราะบริษัทยังทำกำไรได้อยู่

สิ่งสำคัญ มีนักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองว่า คาดว่ายอดขายของบริษัทในปี 2557-2560 จะโต 14.2% CAGR ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมที่คาดไว้ที่ 6.7% โดยเป็นผลมาจากการที่โรงงานใหม่ที่ลาดกระบังเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตที่ 2 ล้านตารางฟุตต่อเดือนในปี 2560 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตของกำลังการผลิตที่ 18% CAGR

อีกทั้งคาดว่าทั้งยอดขายและกำไรจะเติบโตได้ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 58 เป็นต้นไปจากปัจจัยด้านฤดูกาล และคาดว่า GPM จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2559 ที่ 32.3% และในปี 2560 ที่ 32.8% จากการเริ่มเปิดดำเนินการส่วนต่อขยายเฟสที่สองของโรงงาน (600,000 ตารางฟุตต่อเดือน) ในไตรมาสที่ 4 ปี 58

ดังนั้นจึงเลือก KCE เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จึงแนะนำให้ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 62 บาท อิงจาก P/E ปี 2559 ที่ 13 เท่า

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายบัญชา องค์โฆษิต 58,002,380 หุ้น 10.20%

2.นายพิธาน องค์โฆษิต 36,076,222 หุ้น 6.34%

3.นายอรรถสิทธิ์ องค์ โฆษิต 34,623,923 หุ้น 6.09%

4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 34,210,599 หุ้น 6.02%

5.น.ส.ชุตินาถ องค์โฆษิต 32,992,875 หุ้น 5.80%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย บัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการ

2.นายบัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการบริหาร

3.นายพิธาน องค์โฆษิต กรรมการผู้จัดการ

4.นางจันทิมา องค์โฆษิต กรรมการ

5.นายปัญจะ เสนาดิสัย กรรมการ

Back to top button