ฝันค้าง (อีกแล้ว)
*วันก่อนเดี๊ยนเพิ่งแสดงอาการกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าได้ไม่ทันไร เผลอแป๊บเดียวต้องมานั่งซึมเศร้าเหงาหงอยเพราะตลาดหุ้นไม่เป็นเหมือนกับที่คิดไว้ เพราะแรงซื้อที่เคยคิดไว้ว่าน่าจะไหลเข้ามาต่อเนื่องเป็นวันที่สอง กลับแปรเปลี่ยนเป็นแรงเทขายตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,627.62 จุด ลบไป 2.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 หมื่นล้านบาทแบบเซ็ง ๆ ไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วันก่อนเดี๊ยนเพิ่งแสดงอาการกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าได้ไม่ทันไร เผลอแป๊บเดียวต้องมานั่งซึมเศร้าเหงาหงอยเพราะตลาดหุ้นไม่เป็นเหมือนกับที่คิดไว้ เพราะแรงซื้อที่เคยคิดไว้ว่าน่าจะไหลเข้ามาต่อเนื่องเป็นวันที่สอง กลับแปรเปลี่ยนเป็นแรงเทขายตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,627.62 จุด ลบไป 2.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 หมื่นล้านบาทแบบเซ็ง ๆ ไงล่ะคะ
*สถานการณ์ตรงนี้ทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่า การเล่นหุ้นก่อนเลือกตั้งเที่ยวนี้จะยากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนักลงทุนสถาบันจะเล่น 2 ตลาดควบคู่กันไป (SET กับ TFEX) เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หลังประเมินปัจจัยรอบด้านแล้วพบว่าไม่มีอะไรชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่สักเรื่อง จึงต้องหาวิธีการเล่นหุ้นที่ปลอดภัยสุดพะยะค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องเข้าใจการขายหุ้นของฝรั่งขี้นกเป็นจำนวนกว่า 1.40 พันล้านบาท ก็เป็นแท็กติกของการเล่นรอบธรรมดา ไม่ได้มีอะไรที่นอกเหนือความคาดหมายทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเตรียมตัวรับมือกับการแกว่งตัวของดัชนีที่จะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม และขอให้จับตาผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าแบบใกล้ชิด หลังหลายคนมองเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้นะคะ
*ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ยังอยากให้ทุกคนยึดปัจจัยพื้นฐานเป็นที่ตั้งก่อนเคาะขวาแบบสุดซอย เพราะหุ้นที่มีแบ็กอัพเรื่องตัวเลขกำไรจะวิ่งยาวกว่าหุ้นตัวอื่น รวมทั้งทำให้คนที่ถือหุ้นเกิดความอุ่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เดี๊ยนถึงพยายามมองโลกการลงทุนทั้ง “ด้านบวก” และ “ด้านลบ” เพื่อทำให้แฟนคลับสามารถบาลานซ์พอร์ตลงทุนได้กระชับขึ้นกว่าเดิม และยังเป็นการป้องกันไม่ให้ตกขบวนรถด่วนอีกด้วยนะจ๊ะ
*เหมือนกับในรายของ KTC กลับมาเฉิดฉายบนกระดาน most active แบบสง่าผ่าเผยด้วยการบวกต่อเนื่อง 2 วัน ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 34 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.27 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของกระแสข่าวดีที่กำลังมาพอดี เลยทำให้นักเล่นกระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง พร้อมกับคาดหวังหุ้นจะขึ้นไปหายอดเก่าบริเวณ 36-37 บาทก็เท่านั้นเองค่ะ
*อีกรายที่ต้องจับจ้องดูให้ดีเป็นพิเศษ “โมนิก้า” คงต้องเทน้ำหนักไปที่หญิงเก่งเหมือนอิฉัน นั่นก็คือ SAWAD ภายใต้การกุมบังเหียนของ “น้องนาย” ถือเป็นหุ้นที่มีพัฒนาการเรื่องเติบโตที่น่าสนใจ และการที่หุ้นทานกระแสตลาดหุ้นได้ตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 53.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 625 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าหุ้นจะไปต่อนะจะบอกให้
*ส่วนรายที่พยายามปรับโพสิชั่นให้กลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้นอีกครั้งอย่าง KBANK ถือเป็นช็อตที่ต้องเอาใจช่วยอย่างแรงกันเลยทีเดียว เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ 191.50 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 591 ล้านบาท ไม่ได้หมายความว่าหุ้นจะไปต่อแบบสวย ๆ เพราะยังมีแนวต้านย่อยขวางกลางทาง จึงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเรื่องแอ็กซิเดนต์ไงละค่ะ
*ส่วนรายที่เกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ อย่างเช่น HANA ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องแบกรับความเสี่ยงกันเอาเอง เพราะสัญญาณของธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เริ่มชะลอตัวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน และปีนี้น่าจะได้รับผลกระทบแบบหนักหนาสาหัสจริง ๆ วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 30.50 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 675 ล้านบาท เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ไม่มีใครอยากอมหุ้นไว้ในพอร์ตนะจ๊ะ
*สำหรับรายที่กำลังพยายามตั้งฐานสุดกำลังความสามารถอย่าง PTG ถือเป็นช็อตที่ก้ำกึ่งสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ เพราะมองในมุมของ W-Shape ก็เป็นจังหวะต้องช้อนซื้อแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะหุ้นลงมาอยู่ตรงขาล่างพอดี แต่ถ้ามองในมุมของตัวเลขกำไรที่กำลังจะประกาศในเดือนหน้า ย่อมเป็นเรื่องที่น่าคิดไม่ใช่น้อยเหมือนกัน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนประเมินการอ่อนตัวลงมายืนที่ระดับ 10.10 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 145 ล้านบาท ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ? ..อิอิอิ
*ตบท้ายกันที่หุ้น TQM ดันราคาหุ้นกันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แต่วอลุ่มเทรดกลับไม่มาเหมือนที่ต้องการ บรรดาแมงลือถึงเม้าท์กันสนุกสนานว่า งานนี้โยนกันเองแน่ ๆ หุ้นถึงขึ้นมาปิดที่ 33 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 6.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขายแค่ 83 ล้านบาทเท่านั้นเอง “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นตัวนี้จะไปต่อเรื่อย ๆ เพราะมองในมุมของ P/E 23 เท่าในภาวะตลาดหุ้นเช่นนี้ คงมีเฉพาะแฟนพันธุ์แท้ที่กล้าเล่นนะตัวเอง