พาราสาวะถี

อรชุน

กรณีคลิปปลอมของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกปล่อยออกมาโดยสื่อสำนักหนึ่ง จนเจ้าตัวต้องให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าสิ่งที่นำเสนอนั้นเป็นเท็จ พร้อม ๆ กับบอกว่า “มาตรฐานทางจริยธรรม” ของสื่อ(เคยมี)คุณภาพตกต่ำลง ไม่ใช่แค่ภาพสะท้อนเฉพาะสื่อดังกล่าวเท่านั้นที่ควรตระหนัก สื่อมวลชนอาชีพทั้งหลายก็พึงสังวรไว้ด้วยว่าอย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จนทำให้จรรยาบรรณในวิชาชีพถูกดูแคลน จนหมดความน่าเชื่อถือ

ไม่แปลกใจต่อการนำเสนอของสื่อซึ่งธนาธรพูดถึง เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสื่อแห่งนี้ มันเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานขององค์กรวิชาชีพให้เป็นที่ยอมรับนับถือของสังคม หรือเป็นไปเพื่อเป้าประสงค์ใดกันแน่ การเป็นคนดีที่สังคมยอมรับนั้นไม่ยาก แต่พวกโจรที่สวมคราบคนดีหรือใช้อานิสงส์ของพวกคนดีอุปโลกน์ทั้งหลายแหล่มาคุ้มกะลาหัวนั้น เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ลำพังการทำมาหารับประทานด้วยวิธีที่ใครก็รู้กันอยู่ว่าทำอะไร รวมไปถึงการรับใช้ใครบ้างก็ไม่มีใครติดใจ แต่ในช่วงของการเลือกตั้งยอมใช้ศักดิ์ศรีของวิชาชีพที่ตัวเองใช้ฟอกขาว มาทำลายเกียรติภูมิของความเป็นสื่อมืออาชีพเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรจะชั่วช้ามากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่คนพวกนี้คำด่าทอต่อว่าหรือสาปแช่งใด ๆ จะไม่ระคายผิว ขึ้นชื่อว่าเลวโดยสันดานเสียแล้วมันย่อมไร้ซึ่งจิตสำนึกสำเหนียกใด ๆ

กลเกมทางการเมืองเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้งที่ถูกจับตามองจากทั่วโลกหนนี้ มันจะไม่ได้หยุดแค่การปราศรัยใหญ่ที่พรรคสืบทอดอำนาจบอกว่าจะเกิดมิติใหม่ของการปราศรัยโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯของพรรคเท่านั้น หากแต่เชื่อได้เลยว่าจะมีข่าวปล่อย ข่าวลือ ข่าวลวงจนถึงวินาทีสุดท้ายที่ประชาชนจะไปหย่อนบัตรในหีบเลือกตั้ง

เรื่องปฏิบัติการข่าวสารเป็นสิ่งที่ถนัดอยู่แล้วสำหรับเครือข่ายเผด็จการ ยิ่งในภาวะที่ไร้ซึ่งการตรวจสอบหรือหน่วยงานอันเกี่ยวข้องตกอยู่ในอาการง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่กล้าหืออือกับอำนาจที่กดทับ ยิ่งได้ใจ ขนาดในสื่อกระแสหลักยังมีพฤติกรรมโกหกกันหน้าด้าน ๆ แบบนี้ แล้วในสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียจะไปเหลืออะไร

ให้จับตาดูคืนวันที่ 23 ต่อเนื่องเช้า 24 มีนาคม ทั้งโลกออนไลน์และกระทรวงข่าวลือทั้งหลายจะปรากฏข่าวที่ทำให้คนตกอกตกใจกันเป็นวงกว้าง จนส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกในวินาทีสุดท้าย แต่ใช่ว่าปฏิบัติการในลักษณะนี้จะทำได้เพียงฝ่ายเดียว เมื่อทุกอย่างมันเวิลด์ไวด์ ฝ่ายที่ถูกกระทำย่อมไม่ยอมอยู่เฉยหรือให้กระทืบแต่เพียงฝ่ายเดียว

ขึ้นอยู่กับว่าใครจะงัดกลยุทธ์แบบไหนมาสร้างแต้มต่อได้มากกว่าเท่านั้น สิ่งสำคัญคือเลือกตั้งหนนี้จะได้เห็นการหลั่งไหลออกมาใช้สิทธิของประชาชนกันเนืองแน่นทั่วประเทศแน่นอน การตื่นตัวหนนี้มีปัจจัยหลายประการทั้งห่างเหินเลือกตั้งมานาน ทั้งอยากเห็นเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ขณะที่คนที่เพิ่งอายุ 18 ปีก็ตื่นเต้นกับการจะได้ไปใช้สิทธิของตัวเองหนแรก โดยแต่ละปัจจัยที่ว่ามานั้น วิเคราะห์ตามหลักข้อเท็จจริงแล้ว ไม่มีปัจจัยใดจะเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายสืบทอดอำนาจแม้แต่น้อย

ยิ่งลิ่วล้อและกองเชียร์พากันชูความได้เปรียบเรื่องของส.ว.ลากตั้ง 250 เสียง กลายเป็นเสียมากกว่าได้ เพราะปัจจัยที่เคยย้ำมาตลอดต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของคนไทยข้อหนึ่งนั้นคือหมั่นไส้ ในเมื่อมีมากขนาดนั้นแล้ว คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ตัดสินใจอาจจะทำให้ตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น นี่ยังไม่นับรวมบางพวกที่รอสั่งสอนเผด็จการ เท่าที่ดูตัวเลขก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

แต่การวางกลไกเพื่อสืบทอดอำนาจกันถึงขนาดนี้ ไม่มีใครเชื่อใจว่าทุกอย่างจะเดินไปอย่างราบรื่น แพ้-ชนะให้ยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชน เพราะคนที่ปวารณาตัวว่าข้าจะต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น ไม่มีวันยอมเสียหน้า อยู่ที่ว่าจะใช้ดาบอาญาสิทธิ์ที่มีอยู่ในมือหาเหตุจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะโยนไปเป็นภาระให้บางองค์กรเป็นเครื่องมือในการกำจัดเสี้ยนหนามเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจอีกกระทอก

เห็นการขยับของพรรคสืบทอดอำนาจที่จะไปร้องเอาผิดกับบางพรรคการเมืองหลังเลือกตั้ง จากการกล่าวหาว่าเป็นพรรคสืบทอดเผด็จการ ถ้าพิจารณาจากความผิดกันแล้วถึงขั้นยุบพรรค ในภาวะเช่นนี้ไม่มีใครการันตีได้ว่าภาพเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยพรรคไทยรักษาชาติอีก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยหวั่นใจกันอยู่

ไม่จำเป็นต้องไปถามหาเหตุผล เพราะคนที่มีอำนาจข้าง ๆ คู ๆ ไม่สนใจเสียงวิจารณ์ สุดท้ายเมื่อตัดสินไปแล้วก็จะส่งไม้ต่อไปให้อีกองค์กรที่ชูความชอบธรรมด้วยสถานะของตัวเอง และอ้างทุกอย่างทำตามกฎหมาย เท่านี้ก็เรียบร้อย ดังนั้น ภาวะที่ว่าที่ผู้สมัครส.ส.จะไร้พรรคต้องหาสังกัดใหม่หลังเลือกตั้ง จึงเป็นอีกเรื่องที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นสูง

ขณะที่กรณีไล่สอยว่าที่ส.ส.รายตัวนั้นเชื่อกันว่าไม่พลาดล้านเปอร์เซ็นต์ และจะเป็นพรรคใดพวกใดนั้นไม่ต้องเดาก็ชี้ตัวถูก มองย้อนกลับไปยังกฎหมายใหม่ที่ให้อำนาจเต็มกับองค์กรอิสระจัดการเลือกตั้ง ยิ่งดำเนินการได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ ปัจจัยที่ว่าได้เลือกตั้งแต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่คาดหวังหรือไม่ เป็นคำถามที่ไร้คนตอบ โดยที่เสียงส่วนใหญ่โน้มเอียงไปในทิศทางที่ว่าอาจจะเกิดภาวะสุญญากาศหลังเลือกตั้งเสียด้วยซ้ำไป

การเลือกตั้งล่วงหน้าที่ถือเป็นวันสุกดิบก่อนจะเลือกตั้งจริงหนึ่งสัปดาห์ เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า กระบวนการทำงานของ 7 เสือกกต.นั้นเวิร์กหรือไม่ ด้วยความที่มือใหม่กันทั้งหมด จึงอยู่ในอาการมึนงงทำอะไรกันไม่ถูก ภาระถูกผลักให้เป็นเรื่องของสำนักงานกกต. โดยฝ่ายบริหารของสำนักงานให้สัมภาษณ์สื่อหลายสำนักยิ่งสร้างความงุนงงให้กับคนที่ได้ยินได้ฟังหนักข้อเข้าไปอีก สรุปคือเลือกตั้งหนนี้อาจจะเป็นการเลือกตั้งที่คนมาใช้สิทธิมหาศาล แต่จะเลอะเทอะ เละเทะที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็เป็นได้.