พาราสาวะถี
วันนี้ ติดตามการปราศรัยรูปแบบใหม่ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะจัดปราศรัยทิ้งทวนกันที่สนามเทพหัสดิน ติดกับสนามศุภชลาศัย โดยจะมีการลิงก์สัญญาณปราศรัยไปยังเวทีของพรรคที่จะตั้งตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วย ประมาณว่าประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์สั่งราชการกันเลยทีเดียว
อรชุน
วันนี้ ติดตามการปราศรัยรูปแบบใหม่ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะจัดปราศรัยทิ้งทวนกันที่สนามเทพหัสดิน ติดกับสนามศุภชลาศัย โดยจะมีการลิงก์สัญญาณปราศรัยไปยังเวทีของพรรคที่จะตั้งตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วย ประมาณว่าประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์สั่งราชการกันเลยทีเดียว
ดูลีลาของผู้นำเผด็จการผู้จะสืบทอดอำนาจผ่านการเลือกตั้งกันว่า จะมีไม้เด็ดอะไรนอกจากสิ่งที่พูดเดิม ๆ ทุกเวทีทั่วประเทศจากการใช้เหตุผลตรวจราชการแต่มีการพูดกับประชาชนทุกที่เหมือนการหาเสียงให้กับตัวเอง เพราะไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงพรรคการเมืองในคาถา แต่ว่าคนเขารู้กันทั้งประเทศแล้วว่าไผเป็นไผ งานนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ ขายฝันอะไรใหม่จะลากใครมาเป็นเหยื่อในการพูดบนเวทีหรือไม่ หนีไม่พ้น ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างแน่นอน
ส่วนประเด็นเรื่องการพาดพิงหรือกล่าวหา ให้ร้ายผู้อื่นจนก่อให้เกิดความเสียหาย ใครจะเชื่อมั่นต่อการพิจารณาของกกต. เหมือนอย่างกรณีการยื่นให้วินิจฉัยเรื่องความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐในฐานะหัวหน้าคสช. กกต.ออกเอกสารข่าวระบุกกต.มีมติเอกฉันท์การรับรองผู้นำเผด็จการเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคสืบทอดอำนาจถูกต้องตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ยืนยันว่านั่นเป็นการตีความเรื่องการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐด้วยหรือไม่ นี่มันพฤติกรรมด้านได้อายอดชัด ๆ อีกเรื่องคือหัวหดเพราะมาตรายาวิเศษ
แต่สำหรับคนในองค์กรที่บริหารจัดการเลือกตั้งทั้งระบบ ไม่ใช่แค่กลัวอย่างเดียวแต่ใจมันต้องได้ด้วยในฐานะผู้มีพระคุณหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่แยแสแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของตัวเอง ขณะที่ศรัทธา ความเชื่อถือขององค์กรไม่ต้องพูดถึง ไม่สำคัญเท่ากับเก้าอี้ที่เกาะกันไว้แน่นเพราะต้องอยู่กันยาว ๆ ฉายภาพให้ชัดคือจะดูแลกันไปจนถึงการเลือกตั้งสมัยที่ 2 เลยก็ว่าได้ และถ้าเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยังสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปได้ถึงสมัยที่ 3 และ 4 กันเลยทีเดียว
สิ่งนี้เป็นสัจธรรมชนชั้นใดเขียนกฎหมายก็ย่อมเป็นไปเพื่อชนชั้นนั้น ย้ำกันอีกครั้งกับโจทย์ของการเลือกตั้งที่ว่า โกงสะบัดกับทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ ยังเป็นสองสิ่งที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งอย่างแรกนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเป็นไปในรูปแบบใดกันบ้าง ยิ่งหากมีการเพิกเฉยหรือเลือกที่จะเล่นอยู่ฝ่ายเดียวอยู่เช่นนี้ ถ้าไม่มีการลุกฮือหรือเคลื่อนไหวใด ๆ ก็ถือว่าโชคดีกันไป ซึ่งไม่แน่ว่าบรรดากฎหมายพิเศษและกำลังที่ตระเตรียมกันไว้นับตั้งแต่ปี 2557 อาจจะได้นำมาใช้เป็นจริงเป็นจังหลังเลือกตั้งก็เป็นได้
แต่ถ้าผลเลือกตั้งและสถานการณ์ไม่เป็นใจ ด้วยกลไกทั้งหมดที่มีและอำนาจวิเศษในมือ การเลือกตั้งที่ใช้งบประมาณสูงถึง 5 พันล้านบาทก็จะถูกเสกให้หายวับไปกับตา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิศทางของประเทศ ผลกระทบที่จะตามมาค่อยไปวัดกันในวันข้างหน้า ที่ได้ไปต่อแน่ ๆ คือเผด็จการผู้สืบทอดอำนาจ โดยจุดชี้วัดของหนทางเช่นนี้อยู่ที่ว่า รัฐบาลอำนาจเต็มในวันนี้ยังมีความชอบธรรมและยังได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายกุมขุมกำลังเหมือนเดิมหรือไม่
หากทุกอย่างสมประโยชน์ วินวินกันทุกฝ่ายก็ไปกันต่อแบบถูลู่ถูกัง แต่หากไม่สะเด็ดน้ำเหมือนเคย คงหนีไม่พ้นที่จะต้องกระทำการรัฐประหารกันอีกกระทอก เพื่อจัดระเบียบประเทศให้เรียบร้อย ในเมื่อ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกประกาศไว้แล้วไม่การันตีจะมีปฏิวัติอีกหรือไม่ หากสถานการณ์ไม่สงบมันก็เป็นความจำเป็นที่จะต้องแสดงแสนยานุภาพ และอาจจะเป็นหนทางที่ส่งเผด็จการกลับบ้านที่เสี่ยงต่อการนองเลือดน้อยที่สุด
ทั้งหมดนี้เป็นการอ่านเกมกันบนพื้นฐานของการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามครรลอง แต่หากทุกอย่างเดินกันได้แบบแฟร์ ๆ (ซึ่งท่าจะยาก) แล้วฝ่ายสืบทอดอำนาจยอมรับผลการเลือกตั้ง (ซึ่งยากยิ่งกว่า) ปล่อยให้ฝ่ายการเมืองที่ชนะเลือกตั้งได้ฟอร์มทีมตั้งรัฐบาล (ซึ่งยากสุด ๆ) บ้านเมืองและประชาชนที่ถูกลากมาเป็นตัวประกันก็อาจจะเดินต่อไปข้างหน้าได้ โดยฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบันก็ไปเดินเกมกันผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ กำกับดูแลรัฐบาลอีกที จะถือเป็นความโชคดีแบบสุด ๆ ของประเทศไทย
ที่ว่ามานี่ใครคล้อยตามต้องรีบตื่น เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ฝ่ายสืบทอดอำนาจขีดทุกอย่างแบบไม่เหลือไว้ให้ใครได้แตะต้อง ลองพิจารณาความเคลื่อนไหวของผู้นำเผด็จการช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนหย่อนบัตร และพิจารณาจากสิ่งที่พูดซึ่งมีแต่เพื่อเลี่ยงข้อครหาเรื่องการแฝงหาเสียงผิดกฎหมายเท่านั้น มันแสดงออกถึงการอยากได้ใคร่มีแบบสุดใจ ประเภทว่างานทุกอย่างใครก็ทำไม่ได้ เว้นแต่ข้าคนเดียว เช่นนี้แล้วมันจะมีทางใดเหลือไว้ให้กับการเมืองตามระบบได้อีก
ส่วนการช่วงชิงกันในทางตรงร้อยเมตรสุดท้ายไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น ผลโพลทุกสำนักฟันธงตรงกันเพื่อไทยยังเข้าป้ายอันดับหนึ่ง ส่วนอันดับสองแม้ประชาธิปัตย์จะทึกทักว่าต้องเป็นพรรคตัวเองเท่านั้น แต่การขยับของพรรคสืบทอดอำนาจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือการท้าทายและหายใจรดต้นคอพรรคเก่าแก่ชนิดที่ใครพลาดเป็นต้องเสียท่า จุดชี้วัดสำหรับสองพรรคนี้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคใต้ ถ้ากลุ่มตัวอย่างไม่หลอกโพลโอกาสรักษาฐานที่มั่นเดิมของพรรคการเมืองเก่าแก่ยังมีอยู่
ขณะที่พรรคมาแรงแซงทางโค้งอย่างอนาคตใหม่ในสองพื้นที่ดังว่าก็มีโอกาสเบียดแทรกเข้ามาได้อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะจากฐานเสียงของคนรุ่นใหม่ แต่จะมากขนาดไหนยังบอกไม่ได้ ขณะเดียวกันต้องอย่าลืมพื้นที่ของพรรคไทยรักษาชาติ ที่จะต้องลุ้นว่าคนที่จะเลือกก่อนหน้านี้จะหันไปเทคะแนนให้ใคร ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ถือเป็นกลุ่มที่อยู่ในค่ายได้รับอานิสงส์มากกว่าเพื่อน ส่วนบางจังหวัดคนของพรรคอื่นอาจต้องวัดดวงว่าคะแนนเสียงที่ได้จะมีฝ่ายไปโหวตโนมากกว่าหรือไม่
ที่ไฉไลด้วยผลโพลอีกพรรคคือภูมิใจไทย เป้าหมายอยู่ที่ครึ่งร้อยที่นั่ง หากพิจารณาจากตัวผู้สมัครและนโยบายหลายเรื่องที่โดนใจก็ถือว่าเป้าหมายไม่ไกลเกินเอื้อม แน่นอนว่าคนจับตามองไปที่ตัวหัวหน้าพรรค แม้เรียงลำดับคะแนนเสียงของพรรคการเมืองโอกาสที่จะเบียดขึ้นไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้นเป็นไปได้ยาก ทว่าสถานการณ์ที่ผู้นำประเทศจะเป็นตัวชี้วัดอุณหภูมิการเมือง ก็มีเสียงเล็ดลอดมาว่าอย่าประมาทหัวหน้าพรรคการเมืองนี้ ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
สรุปแล้วเลือกตั้งอาทิตย์นี้ มีลุ้นกันหลายแบบ ผลที่มองไว้อย่าไปสนใจนั่นเป็นเพียงการข่าวและคาดการณ์ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยสร้างหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองภายใต้บรรยากาศการเลือกตั้งที่ไม่เป็นมิตรกับระบอบประชาธิปไตยเท่าไหร่คือ เสียงบริสุทธิ์ของประชาชน หากแห่แหนไปใช้สิทธิกันชนิดมืดฟ้ามัวดินอย่างน้อยร้อยละ 80 ขึ้นไป ประเภทโกงสะบัดหรือจ้องจะล้มเลือกตั้ง ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยาก ส่วนที่ไม่เปลี่ยนแปลงจริงแท้แน่นอนคือประชาธิปไตยไทยยังคงเป็นแค่ได้ครึ่งใบเสี้ยวใบเหมือนเดิม