5 นาทีเปลี่ยนชะตากรรม
ใครที่เคยปรามาสว่าการเลือกตั้งเป็นแค่พิธีกรรมจอมปลอมของประชาธิปไตย เพราะเป็นแค่ “อธิปไตย 5 นาที” เมื่อทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของไทยครั้งแรกในรอบ 8 ปีอาจจะต้องทบทวนและคิดใหม่ ก่อนจะเป็นไดโนเสาร์รอวันสูญพันธุ์ทางความคิดและจินตนาการ
พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล
ใครที่เคยปรามาสว่าการเลือกตั้งเป็นแค่พิธีกรรมจอมปลอมของประชาธิปไตย เพราะเป็นแค่ “อธิปไตย 5 นาที” เมื่อทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของไทยครั้งแรกในรอบ 8 ปีอาจจะต้องทบทวนและคิดใหม่ ก่อนจะเป็นไดโนเสาร์รอวันสูญพันธุ์ทางความคิดและจินตนาการ
ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเกตวานซืนนี้ มีโดยสังเขปดังนี้
– เจตนารมณ์ของกลุ่มขัดขวางพลังมีส่วนร่วมของประชาชนที่พยายามครอบงำการเมืองไทย ไม่สามารถเอาชนะพลังเรียกร้องเสรีภาพของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังได้ จำนวนคนมาใช้สิทธิที่ลดลง แต่คะแนนที่เหวี่ยงแรงมาเป็นพรรคอนาคตใหม่ที่ใช้เวลาไม่นานกลายเป็นพรรคที่มีน้ำหนักต่อการเมืองระบบรัฐสภาอย่างทันทีทันใด ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะไม่ใช่การพ่ายแพ้เบ็ดเสร็จ แต่จะบอกว่าเป็นชัยชนะก็คงไม่ได้
– พรรคเก่าแก่ที่สุดของไทยที่ยึดครองพื้นที่ กทม.มายาวนานอย่างพรรคแมลงสาบ ไม่ได้รับเลือกเป็นส.ส.เขตแม้แต่คนเดียว ยังคงสะท้อนพฤติกรรม “เหวี่ยงแรง” ของผู้มีสิทธิลงคะแนนกรุงเทพฯ ได้ดี รวมทั้งการสูญเสีบฐานที่มั่นหลายจังหวัดในภาคใต้ สะท้อนบริบทที่เปลี่ยนไปว่าการเมือง “ตีฝีปาก เล่นสำนวน” เริ่มไม่ทำงานต่อไป
– พรรคที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าพร้อมสนับสนุนเผด็จการทหารและการสืบทอดอำนาจทหาร ได้รับเลือกตั้งน้อยมากทั้งในเขต และ ปาร์ตี้ลิสต์ ตอกย้ำว่า ความเบื่อหน่ายต่อการใช้อำนาจเกินเลยของกองทัพและกฎหมายเผด็จการในหมู่ประชาชนเริ่มเป็นกระแสสูงขึ้นชัดเจน เป็นสัญญาณเตือนกลุ่มนิยมเผด็จการได้ดี
– ชัยชนะไม่ถล่มทลายของพรรค “ใต้ร่มเงาผีทักษิณ” สะท้อนว่า คนไทยบางส่วนเบื่อหน่ายกับแนวทาง “เพาะศัตรู” ของกลุ่มนี้ แล้วต้องการทางเลือกใหม่ ที่ไม่จมปลักกับวงจรเดิม แม้ว่านโยบาย “ประชาธิปไตยกินได้” จะยังไม่เสื่อมมนต์เสียทีเดียว แต่ก็เรียกร้องการยกเครื่องหรือปรับแนวทางให้เหมาะกับยุคสมัยอย่างมีนัยสำคัญ นอกเหนือจากการคิดเชิงกลยุทธ์เฉพาะหน้า
– คะแนนที่พุ่งพรวดขึ้นมาของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคร่างทรงทหาร ไม่ใช่เรื่องประหลาด เพราะอาศัยความได้เปรียบสารพัด (แถมยังอาจโกงกันอีกต่างหาก เพราะบัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้ใช้สิทธิในบางเขต) แต่ยังไม่เพียงพอในเกม “คณิตศาสตร์เลือกตั้ง” ทำให้เส้นทางสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ ภายใต้การเมืองไทยบริบทใหม่ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มากกว่าเดิม
– การเติบใหญ่ที่รวดเร็วกว่า “ไก่ซีพี” ของพรรคอนาคตใหม่ นอกจากเป็นข่าวดีแล้ว ยังเป็นบททดสอบใหม่ของพลังก้าวหน้าว่าจะสามารถคงทนต่อการเสียดสีของสภาพแวดล้อมแบบ “ทอนกำลัง” ของพลังอนุรักษนิยมสุดขั้วในระยะต่อไป
– พฤติกรรมของผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งยังคงเดิมเป็นส่วนใหญ่ แต่เปลี่ยนไปบางพื้นที่ทั้งจากรากฐานประชากร และกลยุทธ์พรรคการเมือง ดูจากฐานคะแนนฝ่ายต่อต้านเผด็จการยังเหนียวแน่นในภาคเหนือตอนบนและภาคอีสาน แม้เสีย ส.ส.ไปบ้าง แต่ในเขตกทม.และปริมณฑล อำนาจรัฐ กระสุน การอัดฉีดงบ ฯลฯ และ มวลชนคนชั้นกลางเก่าอนุรักษนิยมยังยอมรับให้ “กดปุ่มสั่งได้” เฉกเช่นการลงคะแนนในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดในภาคกลางที่การดูด ส.ส.+กดดันด้วยอำนาจรัฐ ซึ่งใช้อย่างอุบาทว์ใต้โต๊ะ
– พรรคภูมิใจไทย กลายเป็นพรรคที่ได้รับประโยชน์จากความช่ำชองทางการอ่านเกมการเมืองแบบผสมผสาน จนมีจำนวนส.ส.เยอะผิดคาด ทั้งจากนโยบายกัญชา และการวางตัวไม่อยู่ขั้วใดชัดเจน
มองจากภาพรวม การเมืองไทยนับจากนี้ไปจะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น เพราะพลังอนุรักษนิยมจะต้องดิ้นรนเพื่อรักษาฐานที่มั่นที่เริ่มสั่นคลอนมากขึ้น แต่พลังคนรุ่นใหม่ที่สะสมความแข็งแกร่งจะเริ่มแสดงตัวออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ หลากรูปแบบ การปะทะของพลังทั้งสองจะเกิดขึ้นไปอีกยาวนานพอสมควร
ความไม่แน่นอนนี้ นับวันจะชัดเจนยิ่งขึ้น ทางออกของการเมืองไทยจากนี้ไป จะมีสภาพดุจทางสามแพร่ง ที่ “เดินหน้าติดกึก ชักลึกติดกัก” เพราะการจะรัฐประหารไม่ใช่จะทำง่าย ๆ ขณะที่ส.ว.ลากตั้งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตัวช่วย สามารถเป็นหอกข้างแคร่เมื่อใดก็ได้ และรัฐบาลผสมก็จะง่อนแง่นจนอาจทำให้รัฐบาลล่มเมื่อใดก็ได้
ความไม่แน่นอนทางการเมืองถือเป็นปัจจัยลบสำหรับตลาดทุนเสมอ ใครที่เคยคาดหวังเชิงบวกก่อนหน้านี้ว่า พลเอกประยุทธ์อาจฟอร์มทีมรัฐบาลไร้ปัญหา และการที่แนวโน้มดอลลาร์อ่อน-บาทแข็ง จะสนับสนุนให้กระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลกลับเข้ามาหลังเลือกตั้งแล้วเสร็จ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นบิ๊กแคปขึ้นนำตลาดฯ ต่อเนื่อง อาจจะต้องประเมินกันใหม่
อธิปไตย 5 นาที มีพลังที่รุนแรงเกินคาด แม้จะไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
พวกเกลียดและดูหมิ่นมวลชน จึงรังเกียจนักหนา