หุ้นกลุ่ม ‘SET50’ ช่วง Q1/62 ราคาปรับขึ้นมากกว่าลง

บรรยากาศภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมายังถือว่าอยู่ในแดนบวก แม้ว่าในช่วงระหว่างทางจะมีความผันผวนและเคลื่อนไหวออกด้านข้าง ด้วยแรงกดดันจากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเป็นระยะ ๆ แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ถือว่ายืนได้แข็งแกร่ง


เส้นทางนักลงทุน

บรรยากาศภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมายังถือว่าอยู่ในแดนบวก แม้ว่าในช่วงระหว่างทางจะมีความผันผวนและเคลื่อนไหวออกด้านข้าง ด้วยแรงกดดันจากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ถือว่ายืนได้แข็งแกร่ง

เห็นได้จากการปรับตัวขึ้นของดัชนีในภาพรวม จากเดิม เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ดัชนีปิด 1,563.88 จุด  แล้วหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นจนสามารถขึ้นไปเหนือ 1,600 จุด ของช่วงปลายเดือนมกราคม 2562 แล้วค่อยไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จนสามารถยืนเหนือ 1,650 จุด แต่หลังจากนั้นก็เกิดการย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับแถว 1,610 จุด ซึ่งถือเป็นแนวรับสำคัญที่เอาอยู่

หลังจากที่ดัชนีไม่หลุดแนวรับ 1,610 จุดก็เกิดการเด้งกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด เพื่อรอดูความจัดเจนทั้งในเรื่องของในประเทศและต่างประเทศ ถึงอย่างไรดัชนีก็ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นจนวันสิ้นสุดไตรมาส 1 เกิดการเก็งกำไรในหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักนำเข้าคำนวณใน MSCI รวมไปถึงการทำ Window Dressing ของการปิดงวดบัญชีเมื่อสิ้นสุดไตรมาสนั่นเอง ส่งผลให้ดัชนีปิดเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2562 ปิดที่ระดับ 1,638.65 จุด ซึ่งถ้าดูตลอดทั้งไตรมาส 1 พบว่า ดัชนีปรับขึ้น 74.70 จุด หรือปรับขึ้น 4.70%

ผลดังกล่าวทำให้เกิดแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่อย่างหุ้นกลุ่ม SET50 เพราะมักอยู่ในกลุ่มของการเข้าคำนวณใน MSCI และการทำ Window Dressing ถือเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่อง และพื้นฐานแข็งแกร่ง มักเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติ และกองทุนต้องการ

ดังนั้นพบว่าช่วงไตรมาส 1/2562 ราคาหุ้นของกลุ่ม SET50 ส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวขึ้น เห็นจากภาพรวมของดัชนี SET50 ที่ปรับตัวขึ้น จากวันที่ 28 ธ.ค. 2561 ปิดที่ 1,044.92 จุด ขณะที่วันที่ 29 มี.ค. 2562 ปิดที่ 1,090.94 จุด  พบว่าปรับตัวขึ้น 46 จุด หรือปรับขึ้น 4.40% นั้นก็หมายความว่าหุ้นใหญ่เป็นตัวช่วยผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้

ทั้งนี้หากแยกมาดูรายตัวของหุ้น SET50 ทั้งหมด 50 ตัว จะพบว่า มีหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้น 33 ตัว ส่วนหุ้นที่ราคาปรับตัวลง 14 ตัว และหุ้นที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง 3 ตัว

สำหรับหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้น ได้แก่ DTAC, INTUCH, TU, BGRIM, EGCO, GULF, KTC, RATCH, BTS, MINT, SPRC, EA, TISCO, PTTEP, SCC, TCAP, BANPU, CENTEL, CPALL, LH, ADVANC, AOT, TOP, KKP, PTT, BEM, CPF, GLOW, DELTA, BBL, BPP, KBANK และ HMPRO

ส่วนหุ้นที่ราคาปรับตัวลง ได้แก่ SCB, WHA, CPN, TOA, BJC, GPSC, BH, PTTGC, TMB, ROBINS, IVL, TRUE, MTC และ GLOBAL

ขณะเดียวกันหุ้นที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ KTB, IRPC และ BDMS

ด้านรายละเอียดของราคาหุ้นทั้งหมดดูจากตารางประกอบ

โดยหากดูภาพรวมของราคาหุ้นกลุ่ม SET50 ที่ปรับตัวขึ้นมากกว่าลงในช่วงไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมา เป็นการสะท้อนว่าแม้ว่าภาวะตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรนักลงทุนก็ให้ความสนใจในการลงทุนกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่อย่างสม่ำเสมอเพราะถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่าหุ้นขนาดเล็ก

สรุปว่าหุ้นขนาดใหญ่ยังเป็นเป้าหมายของการลงทุน !!!

Back to top button