หนทางสู่ซอยตัน

ขณะที่ตลาดหุ้นกำลังหันรีหันขวางว่าจะแกว่งตัวเป็นขาขึ้นหรือลง เพราะข้อมูลที่ย้อนแย้งทั้งบวกลบ ในประเทศก็ดูเหมือนว่าการส่งสัญญาณลบจะเริ่มชัดเจนขึ้นว่า โอกาสที่จะมีการทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นต่อเนื่อง


พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล 

ขณะที่ตลาดหุ้นกำลังหันรีหันขวางว่าจะแกว่งตัวเป็นขาขึ้นหรือลง เพราะข้อมูลที่ย้อนแย้งทั้งบวกลบ ในประเทศก็ดูเหมือนว่าการส่งสัญญาณลบจะเริ่มชัดเจนขึ้นว่า โอกาสที่จะมีการทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นต่อเนื่อง

คำให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องใด ยังไม่มีมติใด ๆ ออกมา หลังจากนี้จะกลับขึ้นไปประชุมกันต่อ ทั้งนี้ กกต.จะพิจารณาข้อความในมาตรา 128 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเลือกตั้ง ส.ส. และมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไร แต่ยืนยันว่ามีแนวคิดในการคำนวณไว้อยู่แล้ว ขอให้รอมติจากที่ประชุมก่อน โดยสำนักงานฯ ได้เสนอเรื่องและวิธีการคำนวณมายังคณะกรรมการ กกต.แล้ว

เมื่อถูกถามว่า สูตรที่กำหนดไว้ อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือเจตนารมณ์ของกฎหมาย ก็จำเป็นจะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่นั้น ประธาน กกต.กล่าวว่า เป็นหนึ่งในประเด็นที่ กกต.จะพิจารณาด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่อยากให้ความเห็น ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จึงกลัวจะเกิดความคลาดเคลื่อน หากมีความชัดเจนใด ๆ จะมอบให้สำนักงานฯ เป็นผู้แถลง

ความไม่แน่นอนของการนับคะแนนเพื่อนำสูตรที่แท้จริงมาคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นส่วนหนึ่งของความไม่ชัดเจนในภาพรวมของการนับคะแนนผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุด หลังจากที่มีความไม่ปกติของการนับคะแนนตั้งแต่คืนวันที่24 มีนาคมเป็นต้นมา

การประกาศผลนับคะแนนผู้มาใช้สิทธิ 95% ที่มีคะแนนเลือกตั้งเกินจำนวนคนมาใช้สิทธิ โดยบอกว่ามีคนมาใช้สิทธิ 33,775,230 คน แต่มีบัตรที่ใช้เลือกตั้ง 38,268,366 ใบ (บัตรดี 35,532,645 + บัตรเสีย 2,130,327 ใบ) ก็มีคำถามว่าบัตรที่เกินมาเกิดขึ้นได้อย่างไร

ต่อมาเมื่อมีการประกาศใหม่เมื่อนับครบ 100% ก็ปรากฏว่าตัวเลขได้รับการแก้ไขใหม่เป็นผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 38,268,375-บัตรใช้เลือกตั้ง 38,268,366 เท่ากับบัตรที่ใช้เลือกตั้งหายไป 9 ใบเท่านั้น

ที่น่าสนใจอยู่ตรงที่มีการประกาศตัวเลขคะแนนเสียงมหาชน (ป๊อปปูล่าร์โหวต) ซึ่งไม่มีความจำเป็นอะไรเลย โดยระบุว่าคะแนนเสียงมหาชนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขยับไปอยู่ที่ 8.4 ล้านเสียง จากเดิมที่พรรคคาดเบื้องต้นว่าได้ 7.9 ล้านเสียง ทิ้งห่างพรรคเพื่อไทย (พท.) ไปกว่า 5 แสนเสียง

การประกาศตัวเลขที่ไม่จำเป็น ทำให้เกิดเสียงครหาครั้งใหม่ว่า กกต.รับรองความชอบธรรมให้แก่พรรคพลังประชารัฐว่ามีโอกาสจัดตั้งเหนือพรรคเพื่อไทย (ทั้งที่อาจจะมีส.ส.ในสังกัดน้อยกว่า)

ปมประเด็นการแก้ไขตัวเลขจำนวนคนมาใช้สิทธิลงคะแนนเพิ่มขึ้นมาก (เกี่ยวกับตัวเลข 4 ชุด ล่าสุด พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเกิดจากการนับคะแนนคลาดเคลื่อนแต่ยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ตกแต่งตัวเลข และนายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงว่า อาจเป็นบัตรเขย่ง) ถึง 4,493,145 คน ที่อ้างว่ามาจากการคิดคำนวณบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต-ในเขต และนอกราชอาณาจักร ซึ่งนำมารวมกันร้อยละ 7 ที่เหลือก็มีการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังของการลงคะแนนในต่างประเทศและลงคะแนนล่วงหน้า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. หลังการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 17 มี.ค. พบว่า กกต.แถลงจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า จำนวน 2,289,555 คน ขณะที่เมื่อวันที่ 24 มี.ค.กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่จำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 94 แห่ง 67 ประเทศ เป็นจำนวน 101,003 คน ซึ่งเป็นอัตราส่วนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หากนำมารวมกันพบว่า มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร จำนวน 2,390,558 คน ซึ่งต่ำกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นมา 2,102,587 ใบ

ตัวเลขที่คลาดเคลื่อน ต้อน กกต.เข้าสู่มุมอับยิ่งขึ้น เพราะคะแนนเสียงที่ได้มาหรือแก้ไข มีผลต่อการคำนวณคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคต่าง ๆ

ยิ่ง กกต.มีท่าทีอึมครึมเกี่ยวกับสูตรคิดปาร์ตี้ลิสต์ โดยเปรยล่วงหน้าว่าอาจจะให้ทุกพรรคที่ส่งสมัครคราวนี้ ได้รับโอกาสมี ส.ส. กันเพื่อคงไว้หลักการแปลก ๆ

เสียงวิพากษ์ที่เตือนว่า กกต.อาจจะทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญได้หากคำนวณสูตรปาร์ตี้ลิสต์ผิดพลาด ด้านหนึ่งเป็นแรงกดดัน อีกด้านเป็นการสบช่องโยนเรื่องออกจากตัวให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด

การกระทำนี้หากเกิดขึ้นจริงเท่ากับ กกต. กำลังคิดจะล้มเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมาอย่างแนบเนียน เพราะอาจจะทำให้ กกต.อ้างเหตุให้ไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562

นั่นหมายความว่า มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจมีผู้ไปร้องให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ คณะกรรมการเลือกตั้งถูกฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญา

ประเด็นนี้ หากมีผู้ร้องจริง และ ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องร้องเรียนให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะจริง เท่ากับจะเปิดช่องให้อายุของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกซื้อเวลาให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีกำหนด ตามบทบัญญัติในมาตรา 263 และ 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560

ในกรณีที่ หากศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาในการพิจารณายาวนาน อาจไม่มีการเลือกตั้งใหม่ในปีนี้ หรือหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จะมีการเลือกตั้งใหม่อีกเมื่อไร ไม่มีใครทราบได้ เพราะบทเฉพาะกาลไม่มีกำหนดเงื่อนเวลาในสถานการณ์จำลองนี้

คำเตือนนี้เคยออกมาจากจิ้งหรีดเตือนสติ อย่างนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ หมอเลี้ยบ ที่เคยนำเสนอไว้ก่อนหน้าเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า การเลื่อนเลือกตั้งเท่ากับไม่มีเลือกตั้ง

ตอนนั้นเสียงจิ้งหรีดอาจจะไม่มีคนฟังมากนัก แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าหนทางเดินหน้าสู่ซอยตันโดยการสมคบคิดกำลังเริ่มเป็นจริงมากขึ้น

คำถามว่าที่ปลายซอยตันจะเกิดอะไรขึ้น ตอบได้ยาก รู้แค่ว่าไม่ใช่ข่าวดีของการลงทุนในตลาดหุ้น

ตอนนี้ หวังแค่ว่า ที่ปลายซอยตันจะมีประตูลับอยู่ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งโดราเอม่อนแอบทำไว้

Back to top button