วิกฤตรอบด้านขี่พายุ ทะลุฟ้า

เงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ยังคงติดลบเป็นเดือนที่ 6 ผู้รับผิดชอบเศรษฐกิจของรัฐบาล ท่านไม่ให้เรียกว่าเป็นภาวะเงินฝืด ที่ปริมาณเงินหายไปจากท้องตลาด


เงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ยังคงติดลบเป็นเดือนที่ 6 ผู้รับผิดชอบเศรษฐกิจของรัฐบาล ท่านไม่ให้เรียกว่าเป็นภาวะเงินฝืด ที่ปริมาณเงินหายไปจากท้องตลาด

แต่ท่านให้เรียกเป็นภาวะเงินเฟ้อติดลบ เพื่อสร้างภาพ ไม่ให้ดูเลวร้ายจนเกินไปนัก

ก็โอเคอ่ะนะ หากเงินเฟ้อติดลบประเดี๋ยวประด๋าว หรือบางเดือนเป็นลบ บางเดือนเป็นบวก แต่นี่มันติดลบซ้ำซากและต่อเนื่องกันมาเป็นเดือนที่ 6 แล้ว

คำอธิบายที่ดูดี มันจะกลายเป็นช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดไป

อาชญากรรมอย่างหนึ่งของผู้บริหาร โดยเฉพาะผู้บริหารราชการแผ่นดิน ก็คือ การไม่พูดความจริงให้ประชาชนรู้

นอกจากไม่พูดความจริงแล้ว ยังส่งสัญญาณผิดๆ สู่สาธารณชนด้วย เช่น ชอบพูดปลอบใจว่า เศรษฐกิจกำลังดีวันดีคืนขึ้น เพียงแต่มีคนบิดเบือน เพื่อกล่าวร้ายให้โทษรัฐบาล

ผมก็เห็นท่านแม่ทัพเศรษฐกิจคนสำคัญ คือ .ร.ว.ปรีดิยาธร พูดปลอบใจมาตั้งแต่ไตรมาส 1 แล้ว จนบัดนี้ไตรมาส 2 ผ่านไป ครึ่งปีหลังย่างเข้ามา ก็ยังไม่เห็นแววมยุราว่า เศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นสักที

การบอกความจริงให้ประชาชนรู้ ก็เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวเตรียมใจรับความจริง จะได้ไม่ทำอะไรหลงทิศผิดทาง และรัฐบาลก็สามารถจะใช้โอกาสนี้ เรียกร้องความร่วมมือจากประชาชนในการแก้ไขปัญหาได้

ประชาชนมีบทเรียนที่ดีอยู่หรอกตอนต้มยำกุ้ง ซึ่งรัฐบาลตอนนั้น ไม่พูดความจริงกับประชาชน จึงทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในตอนนี้ ไม่ใช่เป็นสถานการณ์ปกติจริงๆ แต่เป็นสถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤต และประดังกันเข้ามาโดยรอบด้าน

วิกฤตภัยแล้งปีนี้ เลวร้ายกว่าวิกฤตตอนน้ำท่วมปี 54 แน่นอน

ชาวนาปลูกพืชผลไม่ได้ ก็ย่อมแน่นอนว่า ไม่มีรายได้มาเจือจานครอบครัว มาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลก็ดูจะมีอุปสรรคขัดขวางเต็มไปหมด

เป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากความคิดตัวเอง เช่น จะออกมาตรการสงเคราะห์ชาวนา ก็กลัวข้อหาประชานิยม ที่ไปด่าทอขั้วการเมืองเก่าเอาไว้เยอะ

ไม่มีเงิน จะต้องออกพันธบัตรกู้ยืมมาช่วยเหลือชาวไร่ชาวนา ก็กลัวคำด่าบริภาษคนอื่นไว้เสียอีกว่า เป็นรัฐบาลที่ชอบสร้างหนี้สินล้นพ้นตัว

สรุปแล้วจะเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนใดๆ ได้เลย

ชาวบ้านไม่มีเงิน นี่แหละปัญหาใหญ่ ต่อไปก็จะลามเลียไปยังผู้ประกอบการ และที่น่าหวาดเสียวมากที่สุดก็คือ วิกฤตในภาคการเงิน อาจจะกำลังกลับมาอีกครั้งแล้ว

สังเกตหุ้นแบงก์ใหญ่ในตลาดหุ้นไหมครับ ฝรั่งเทขายยับ ไม่มีธนาคารใหญ่แห่งใด มีราคาหุ้นเหนือระดับ 200 บาทแล้ว ต้องกลายเป็นหุ้นต้องห้ามนักลงทุนเข้าใกล้ไปซะแล้ว

ระดับหนี้เสียที่ต้องจัดชั้นคุณภาพเป็น NPL ในช่วงต้นปีมา ยังอยู่แค่ระดับ 2-3 หมื่นล้านบาท แต่ตอนนี้ NPL พุ่งพรวดเข้ามาในระบบอย่างรวดเร็วมาก

กลายเป็นระดับแสนล้านบาทในแต่ละเดือน

เรื่องนี้ หวาดเสียวในระดับขนหัวตั้งเสียยิ่งกว่าวิกฤตภัยแล้งแน่นอน ต้องหาทางแก้ไขกันอย่างจริงจัง ห้ามเอาปัญหาไปซุกไว้ใต้พรมโดยเด็ดขาด  

วิกฤตเศรษฐกิจ มากันโดยรอบด้านซะขนาดนี้แล้ว ผู้รับผิดชอบบ้านเมือง ยังจะมองโลกสวยอยู่อีกหรือ

                                                                 

Back to top button