เหตุเพราะเสียงปริ่มน้ำจึงเพี้ยน
ไม่ว่าจะหยิบดูจำนวนส.ส.ที่น่าจะเป็นของทั้ง 2 ขั้วการเมืองกี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว ก็จะเห็นได้ว่า คะแนนคู่คี่สูสีกันมาก ขั้วฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ยังจะดูมีเสียงเหนือกว่าด้วยซ้ำ
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
ไม่ว่าจะหยิบดูจำนวนส.ส.ที่น่าจะเป็นของทั้ง 2 ขั้วการเมืองกี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว ก็จะเห็นได้ว่า คะแนนคู่คี่สูสีกันมาก ขั้วฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ยังจะดูมีเสียงเหนือกว่าด้วยซ้ำ
เรื่องตั้งนายกฯไม่มีปัญหา เพราะได้เสียง 250 ส.ว.มาช่วย แต่เรื่องการตั้งรัฐบาลนี่สิ ค่อนข้างจะยากลำบากมาก หากต้องการ “ยื้อ” ตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
ทางขั้วฝั่งพล.อ.ประยุทธ์ จำนวนเสียงส.ส.ตามหน้าเสื่อปัจจุบันเป็นดังนี้ พลังประชารัฐ 116 เสียง, ภูมิใจไทย 51 เสียง, ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง
หากจะรวมพรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียงเข้ามาทั้งพรรค และพรรคขนาดจิ๋ว 12 พรรค 12 เสียงตามการตีความของกกต. คะแนนเสียงรวม ๆ กันก็ยังมีแค่ 248 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ 500 เสียงด้วยซ้ำ
นี่ขนาดให้แต้มคำนวณกันเต็มที่แล้วนะ ที่ประชาธิปัตย์จะต้องไปเข้าร่วมทั้งพรรค ถ้าไม่ไปเข้าร่วมทั้งพรรคก็ยิ่งจะน้อยลงไปอีก และกกต.ก็จะต้องตีความแบบ “ลุยไฟ” ไปคนเดียวให้คะแนน “พรรคจิ๋ว” ไม่ตกน้ำด้วย
อันล่อแหลมต่อการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนฝั่งต่อต้านการสืบทอดอำนาจ เมื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 เสียงของมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มีท่าทีชัดเจนแล้วก็ทำให้เสียงทางขั้วฝั่งนี้ เหนือกว่าขึ้นมาทันที แม้เสียงจากประชาธิปัตย์จะไปทางโน้น หรือมีการดั้นเมฆตีความให้พรรคจิ๋ว 12 พรรค 12 เสียงไปร่วมด้วย
แม้ไม่มีคะแนนถึงตามเกณฑ์เฉลี่ยจำนวนส.ส.อันพึงมีในราว 7.1 หมื่นคน
ก็เพราะว่าเสียงปริ่มน้ำ โดยทางฝั่งขั้วพรรคพลังประชารัฐเป็นรองนี่แหละ ถึงได้เกิดเรื่องเพี้ยน ๆ แปลก ๆ ขึ้นมา เพื่อจะให้เสียงทางขั้วพรรคฝั่งตรงข้ามหายไป และขั้วฝ่ายตนเองเพิ่มเข้ามา
ทีตีความพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ทั้งที่ทุกวันอังคารก็ใส่เครื่องแบบข้าราชการพลเรือนหรา มีอำนาจสั่งการได้ทุกอย่างในประเทศนี้ แม้ไม่มีกฎหมายรองรับ ก็ยังงัดเอาม.44 มาใช้จัดการได้เลย
ก็กลายเป็นว่า เขาไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่รัฐ” แต่เป็น “เจ้าหน้าที่เหนือรัฐ” อันไม่ขัดต่อห้ามการรับเชิญเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ทีขั้วฝั่งต่อต้านการสืบทอดอำนาจ กลับถูกตรวจตราอย่างละเอียดยิบ และถูกตีความทางกฎหมายแบบเถรตรงตามลายลักษณ์อักษรอย่างยิ่ง
มีกรณีเกิดขึ้นแล้วว่า ผู้สมัครส.ส.ของฝั่งนี้ ที่เป็นอดีตผู้รับเหมาก่อสร้าง ทำแต่ในงานก่อสร้าง แต่ในบริคณฑ์จดแจ้งบริษัท ดันมีการระบุวัตถุประสงค์จดแจ้งครอบคลุมการทำกิจการสื่อสารมวลชน อันเป็นการระบุแบบครอบจักรวาลตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบทั่วไปของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ก็เลยต้องขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส. ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้รับเหมา ไม่ใช่เจ้าของกิจการสื่อหรือแม้แต่จะคิดทำแต่ประการใด
พรรคอนาคตใหม่ อาการน่าเป็นห่วงจริง ๆ ที่อาจจะต้องถึงขั้นยุบพรรค สมาชิกกว่า 80 คนที่คาดว่าจะได้เป็นส.ส. อาจอันตรธานหายไปทั้งยวง เนื่องจากมีคดีพัวพันทั้งตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
บริษัท วี-ลัค มีเดียของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นี่ก็ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อที่โด่งดังหรือมีอิทธิพลใดต่อสาธารณชนหรือแม้กระทั่งกลุ่มเป้าหมายในวงจำกัดใดทั้งสิ้นเลย
เคยออกนิตยสารฮูเมื่อปี 60 ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ปิดตัวเองลงไปแล้ว นอกจากนี้ก็ยังเคยรับจ้างทำนิตยสารจิ๊บจิ๊บบนเครื่องบินของนกแอร์ ก็คงจะไม่มีเนื้อหาทางการเมืองอะไรมาโน้มน้าวจูงใจให้คนไปลงคะแนนเลือกพรรคอนาคตใหม่ถล่มทลายได้หรอก
สิ่งที่ธนาธรกำลังเผชิญทุกวันนี้ คือเคยเป็นผู้ถือหุ้นนิตยสารฉบับหนึ่งซึ่งปิดตัวเองลงไปแล้ว และนิตยสารบนเครื่องบินอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้มีอิทธิพลชี้นำอะไรมากมาย แต่กำลังจะถูกพิพากษาปลิดชีพทางการเมือง และอาจจะบานปลายกลายเป็นการยุบพรรคเสียนี่
ผิดกันเลยกับการได้รับอนุเคราะห์ผ่อนปรนอย่างยิ่ง จากคำจัดความ “เจ้าหน้าที่รัฐ” กับ “เจ้าหน้าที่เหนือรัฐ” เหตุเพราะศึกสงครามปริ่มน้ำแท้ ๆ