จบกันที่ศาล

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนปัญหาวุ่นวายทั้งทางการเมือง และทางธุรกิจจะต้องไปจบที่ศาลมากกว่าการพูดคุยทั่วไป เพื่อให้ได้ทางออกที่ win-win กันทั้งสองฝ่าย “โมนิก้า” จึงขอเม้าท์ถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่นี้ ล้วนมีแต่เรื่องสร้างความหนักใจให้กับผู้คนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบางกรณียังสร้างความฉงนใจให้กับผู้คนที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เดี๊ยนถึงอยากเม้าท์เรื่องนี้มากเหลือเกินพะยะค่ะ

*เนื่องจากธรรมชาติของคนในแวดวงตลาดหุ้นมักไม่ออกมาพูดอะไรที่เป็นผลร้าย ยกเว้นเมื่อถึงจุดแตกหักมักมีการนำข้อมูลออกมาแฉกันสนุกสนานเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเข้ามาตลอดทั้งวัน ซึ่งบางเรื่องก็ไม่อยากเม้าท์ถึงสักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนเป็นการ “จับแพะชนแกะ” ของคนประเภทหวังดีประสงค์ร้ายมากกว่า ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยข่าวลือไงล่ะคะ

*เช่นเดียวกับประเด็นสูตรคำนวณคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของหน่วยงาน กกต. ที่ชี้แจงสังคมแบบคลุมเครือ จนสุดท้ายต้องวิ่งโร่ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนตัดสิน ก่อนจะโดนตอกกลับมาในภายหลังว่า เรื่องการนับคะแนนเป็นอำนาจของหน่วยงานดังกล่าวต้องออกมาชี้แจงเอง เพราะเป็นกฎระเบียบที่ถูกวางไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และตอนนี้ยังไม่มีประเด็นปัญหาจนต้องพึ่งศาลฯ เลยไม่รับวินิจฉัยวิธีคำนวณนะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ผู้รู้มากมายออกมาสอนมวยหน่วยงานดังกล่าวกันมากมาย พร้อมกับมีการเขียนสูตรโชว์ให้เห็นกันโจ่งแจ้งนั้น “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่ยืดเยื้อต่อไปแบบไม่มีกำหนด (ไม่ชัดเจนก็จบไม่ลง) และกระทบกับเรื่องค่าเสียโอกาสที่เดี๊ยนเกริ่นให้ฟังเมื่อวันก่อน จึงต้องเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ฝรั่งตาน้ำข้าวหันมาขายหุ้นไทยอีกรอบนะจะบอกให้

*อีกหนึ่งประเด็นซึ่งมีสิทธิไปจบที่ศาลปกครองคงเป็นกรณีของการท่าเรือแห่งประเทศไทยประกาศให้กลุ่มกิจการร่วมค้า NPC (กลุ่มของ PRM) ขาดคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3  หลังยื่นเอกสารไม่ครบตามข้อกำหนด โดยซองที่ 2 เป็นเรื่องที่ว่าด้วยคุณสมบัติทั่วไปของนักลงทุน คุณสมบัติทางการเงิน และประสบการณ์ของผู้ยื่นซอง ซึ่งสร้างความกังขาใจให้กับผู้คนที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ

*ผลดังกล่าวทำให้กิจการร่วมค้า GPC (กลุ่ม PTT-GULF) เป็นเพียงผู้เล่นรายเดียวที่ผ่านเข้ารอบ ขณะที่การท่าเรือฯ เตรียมพิจารณาซอง 3 ด้านเทคนิค และเจรจาต่อรองราคาไปตามขั้นตอน ก่อนจะสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีในเดือน พ.ค.ศก.นี้ โดยระหว่างนี้ก็มีเรื่องเม้าท์ออกมาเป็นระลอกว่า ฝั่งของ PRM เตรียมยื่นเรื่องร้องต่อศาลให้เป็นผู้ตัดสินความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น จึงกลายเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องติดตามดูให้ดี ๆ นะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับข่าวการฟ้องร้อง “เฮียรพี” หัวเรือใหญ่แห่ง ก.ล.ต. กับอดีตผู้บริหาร บล.เอเชีย เวลท์ อย่าง “ชยันต์” กับ “ชญานี” ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ทุกวันนี้ยังมีคนพูดถึงเยอะแยะไปหมด ซึ่งฝ่ายหนึ่งอ้างถึงเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ส่วนอีกฝ่ายก็อ้างถึงความไม่โปร่งใสของคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ “โมนิก้า” ถึงได้แต่เฝ้าดูเรื่องนี้แบบห่าง ๆ เพราะมันเป็นเรื่องของการงัดข้อกฎหมายมาสู้กันแบบสุดซอยพะยะค่ะ

*ที่น่าสนใจคือ การลุกฮือต่อต้านอำนาจทางการแบบหมูไม่กลัวน้ำร้อน กลายเป็นช็อตที่ทำให้กองเชียร์ประเภทอีแอบส่งเสียงเฮกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นถี่มาก ๆ หลังผู้คนมากมายไม่ได้มองหน่วยงานดังกล่าวเป็นมิตร “โมนิก้า” เลยสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมได้เข้าครอบงำตลาดหุ้นอย่างเต็มตัว จึงไม่สามารถคาดหวังเรื่องต่าง ๆ ได้อีกเลย เพราะนโยบายของผู้คุมกฎไม่ได้เน้นเรื่องการ “ส่งเสริม” แต่เน้นเรื่องการ “ควบคุม” นะซี

*อีกหนึ่งควันหลงที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต. แบบที่ไม่คาดคิดมาก่อนเห็นจะเป็นเรื่องบทบาทของหัวเรือใหม่จะเดินไปทางไหน ? ล้วนเป็นเรื่องที่ผู้คนตั้งคำถามกันเยอะแยะไปหมด “โมนิก้า” จึงฝากให้ทีมผู้บริหารชุดใหม่เก็บไปคิดเป็นการบ้านดูสักนิดหนึ่ง เพราะเดี๊ยนได้ยินคำบ่นออกมามากเหลือเกินในช่วงนี้ เลยอยากได้ยินข่าวดี ๆ เพื่อทำให้ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นรู้สึกแฮปปี้บ้างก็เท่านั้นเองจ้า !

*ก่อนจากกันขอเม้าท์ถึงบรรยากาศการลงทุนสักเล็กน้อย หลังเห็นดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบต่ออีกหนึ่งวัน เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้รู้ว่า ดัชนียังขยับไปไม่ไกล เพราะแรงซื้อที่เข้ามามีอาการขาดช่วงมากเกินไป วานนี้ถึงเห็นดัชนียืนปิดได้แค่ระดับ 1,673.32 จุด ลบไป 0.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.76 หมื่นล้านบาท แถมวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์เสียด้วย คงไม่มีใครกล้าตะลุยซื้อหุ้นแบบสุดซอยกระมัง !