หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเฮต่อจากขยายฟรีวีซ่า
แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล โดยเฉพาะผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีผลรายได้กว่า 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อ GDP ในประเทศ
เส้นทางนักลงทุน
แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล โดยเฉพาะผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีผลรายได้กว่า 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อ GDP ในประเทศ
โดยหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราของคนต่างด้าวที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน ในกรณีที่ยื่นขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival หรือ VOA) จากเดิมที่จะสิ้นในวันที่ 30 เม.ย. 2562 นี้ ออกไปเป็นสิ้นสุดเดือน ต.ค. 2562 หรือขยายระยะเวลา 6 เดือน
แม้ว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจทำให้รัฐสูญเสียการจัดเก็บรายได้ 2,955 ล้านบาท แต่จะช่วยสร้างผลดีต่อเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยคาดจะทำให้มีรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาราว 104,616 ล้านบาท
หากตรวจสอบข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย เดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่า ตั้งแต่ 15 พ.ย. 2561-31 มี.ค. 2562 พบว่า จากช่องทางอนุญาตทั่วประเทศ 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่ มีจำนวนคนเดินทางรวมถึง 3.58 ล้านคน เพิ่มขึ้น 83% แยกเป็น บริเวณด่านตม.สนามบินสุวรรณภูมิมีจำนวนคนเดินทาง 1.75 ล้านคน เพิ่มขึ้น 82%
ด่านตม.สนามบินดอนเมืองมีจำนวนคนเดินทาง 904,212 คน เพิ่มขึ้น 69%, ด่านตม.สนามบินภูเก็ตมีจำนวนคนเดินทาง 680,126 คน เพิ่มขึ้น 72%, ด่านตม.สนามบินเชียงใหม่มีจำนวนคนเดินทาง 250,069 คน เพิ่มขึ้น 203% และด่านตม.สนามบินหาดใหญ่มีจำนวนคนเดินทาง 2,038 คน ลดลง 29%
กรณียอดนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้าที่มีการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่า ทำให้ครม.จึงเห็นชอบต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าออกไปอีก 6 เดือนนั่นเอง
ทั้งนี้จากที่ ครม.เห็นชอบต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าออกไปอีก 6 เดือน จะยังคงส่งผลบวกต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่อเนื่องเช่นกัน เช่น กลุ่มการบิน กลุ่มโรงแรม เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่ายังคงได้รับประโยชน์มากที่สุด
แล้วยังคงเชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะได้รับประโยชน์ต่อเนื่อง (มองหุ้นที่ยังเป็นดาวเด่น) ทั้งสองกลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มการบิน ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV
- กลุ่มโรงแรม ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
แต่อย่างไรก็ตามจากหุ้นดังกล่าวข้างต้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากกรณีทางรัฐขยายเวลาในการต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าออกไปอีก 6 เดือนนั้น
ทางบริษัทหลักทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์สูงสุด..ยังคงเป็น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทย ทุกสายการบินจะต้องมาใช้บริการท่าอากาศยานของทาง AOT ทั้งสิ้น เนื่องจากท่าอากาศยานหลักของไทยอยู่ภายใต้การบริหารของ AOT ทั้งหมด โดยท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การบริหารของ AOT มีทั้งหมด 6 แห่งในประเทศไทย คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย พูดง่าย ๆ ก็คือบริหารธุรกิจสนามบินใหญ่ทั้ง 6 แห่งของไทย
ในขณะเดียวกันทางนักวิเคราะห์คาดในช่วงไตรมาส 2/2562 ทาง AOT จะมีกำไรราว 7,634 ล้านบาท โต 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามผู้ใช้บริการต่างชาติที่เพิ่มขึ้น จากผู้ใช้สนามบินเพิ่มขึ้น 2.7% (ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 5.3%, ในประเทศลดลง 1.1%) จากมาตรการยกเว้นวีซ่า (VOA) และเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 2.2% (ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 2.5% ในประเทศเพิ่มขึ้น 1.9%) คาดรายได้รวมโต 4.7% (กิจการการบินเพิ่มขึ้น 3.8%, ไม่ได้มาจากกิจการการบินเพิ่มขึ้น 5.9%) เป็น 17,089 ล้านบาท ต้นทุนและ SG&A เพิ่มขึ้น 3.3% และเพิ่มขึ้น 8.1% ตามลำดับ จากค่าซ่อมแซมและผลประโยชน์พนักงานที่คาดเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยรับสูงขึ้นตามเงินสดในมือ ในขณะดอกเบี้ยจ่ายยังลดลงต่อเนื่อง
ดังนั้น บล.ฟิลลิปยังคงคำแนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐาน 72.50 บาท
ถึงอย่างไรการต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าออกไปอีก 6 เดือนจะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวได้อีกในระยะสั้นนี้ !!!
…