หุ้นเด่นหุ้นดิ่ง SET50ประจำเดือนมิ.ย.2558

สถานการณ์ราคาหุ้นบลูชิพเดือนมิถุนายน 2558 ภาพรวมถือว่าเหนียวแน่นมีการฟื้นตัวกว่าช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นผลมาจากราคาหุ้นบูลชิพปรับตัวลงเยอะแล้ว นักลงทุนจึงเข้ามาเก็งกำไร พร้อมกับแรงหนุนของการทำ Window Dressing ของกองทุนก่อนปิดงวดบัญชีสิ้นไตรมาส 2 เข้ามา แม้ว่าระหว่างทางดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน ด้วยความกังวลเรื่องกรีซที่ผิดนัดชำระหนี้ยืดเยื้อตลอดมา


สถานการณ์ราคาหุ้นบลูชิพเดือนมิถุนายน 2558 ภาพรวมถือว่าเหนียวแน่นมีการฟื้นตัวกว่าช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นผลมาจากราคาหุ้นบูลชิพปรับตัวลงเยอะแล้ว นักลงทุนจึงเข้ามาเก็งกำไร พร้อมกับแรงหนุนของการทำ Window Dressing ของกองทุนก่อนปิดงวดบัญชีสิ้นไตรมาส 2 เข้ามา แม้ว่าระหว่างทางดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน ด้วยความกังวลเรื่องกรีซที่ผิดนัดชำระหนี้ยืดเยื้อตลอดมา

ดังนั้น ดัชนี SET50 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นบลูชิพ 50 รายการ พบว่าปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากเดิมอยู่ที่ 985.37 จุด ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 989.21 จุด เพิ่มขึ้น 3.84 จุด หรือขึ้นไป 0.39% อาจเป็นระดับที่ดูน้อยเกินไป แต่มีหุ้นบางตัวที่ได้รับประโยชน์มากกว่าที่เห็นอยู่ ขณะเดียวกันมีหุ้นบางตัวที่ได้รับผลกระทบทางลบมากกว่าปกติ

“ข่าวหุ้นธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลหุ้นเด่นหุ้นดิ่งในกลุ่ม SET50 ในเดือนมิถุนายน 2558 ออกมาเพื่อประมวลภาพกว้างให้นักลงทุนมองเห็นว่า มีหุ้นตัวไหนที่นักลงทุนให้ความน่าสนใจเป็นพิเศษ และหุ้นตัวไหนที่ทำให้นักลงทุนรู้สึกไม่สบายใจ แล้วยังไม่ไล่ซื้อหุ้นกลับ พร้อมยังเทขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง โดยข้อมูลที่ได้ตอนนี้คือ มีหุ้นปรับตัวขึ้นมามากถึง 30 ตัว ไม่มีการเปลี่ยนแปลง 2 ตัว และปรับตัวลง 18 ตัว

แสดงว่าความพลิกผันของราคาหุ้นบลูชิพมักเกิดขึ้นเร็วกว่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง!!

โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมีดังนี้ TPIPL, CPN, IVL, IRPC, BH, TUF, DELTA, PTTGC, BCP, WHA, BMCL, BTS, CBG, PTT, TOP, BA, PS, ADVANC, M, BDMS, ITD, CK, TTW, AOT, EGCO, CENTEL, CPALL, PTTEP, HMPRO และ INTUCH

 

ถึงกระนั้นจากหุ้นทั้งหมดที่ปรับตัวขึ้น มีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเป็นที่น่าจับตาอยู่ 9 ตัว ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นเกิน 5% ตัวแรก บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 17.56% กลายเป็นพระเอกในกลุ่ม SET50 ที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นสูงสุดในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.เออีซี มองว่าด้วยศักยภาพการเติบโตที่ดี บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 10.7% จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้มูลค่าพื้นฐานที่เหมาะสมปี 2558 ที่ 3.30 บาท

ตัวที่สอง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 9.83% ตามมาติดๆ สำหรับการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น และหุ้นตัวนี้มีความน่าสนใจ เมื่อนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองว่าแนวโน้มไตรมาส 2/58 ถึงไตรมาส 4/58 สดใสจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 4 แห่ง ประกอบด้วย ระยอง (เปิดเดือนพ.ค. 2558), เวสต์เกต บางใหญ่ (ปลายเดือนส.ค. 2558), อีสท์วิวล์ เลียบทางด่วน รามอินทรา (เดือนต.ค. 2558) รวมถึงการซื้อกิจการล่าสุดในโครงการเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ซึ่งเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้ ทั้งปี 2558 คาดกำไรเติบโต 15% อยู่ที่ 8.34 พันล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 2558 ที่ 66.00 บาท

ตัวที่สาม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 8.82% เป็นการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองว่ายอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 1-3 ปีข้างหน้า คาดว่ารายได้ในรูปดอลลาร์สหรัฐปี 58 จะเติบโตได้ 8% เป็น 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อิงกับราคาน้ำมันดิบที่ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) ซึ่งมาจากกำลังการผลิตที่สูงขึ้นหลังเข้าซื้อกิจการ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึง 10 ล้านตัน/ปี ในปี 2561 (ปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 ล้านตันต่อปี) แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 31 บาท

ตัวที่สี่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 8.21% อาจเป็นการตอบรับผลการดำเนินงานในอนาคต ยิ่งนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองว่าบริษัทถึงจุดเปลี่ยนที่รอคอยจากโครงการของบริษัทจะเพิ่มประสิทธิภาพกำไรเห็นผลตั้งแต่ปลายปีนี้ แนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2558 เท่ากับ 5.20 บาท

ตัวที่ห้า บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 7.47% คงเป็นหุ้นที่นักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อมากที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาพื้นฐานประเมินไว้ที่ 161 บาท

ตัวที่หก บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 6.86% เป็นการกลับมาของราคาหุ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 25.50 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 19 เท่า ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงในไตรมาส 2 ปี 58 จะช่วยหนุนรายได้และกำไรของบริษัทในระยะสั้นด้วย

ตัวที่เจ็ด บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 5.85% เป็นการยืนยันว่าราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.ธนชาต มองว่า DELTA เป็นส่วนหนึ่งของ DELTA Group เป็นผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายอันดับหนึ่งของโลกถือได้ว่าเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่บริษัทกำลังจะได้รับผลบวกจากกระแสแนวโน้มโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ DELTA จะเติบโตในระยะยาวเกินกว่าปี 2018 คำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานที่ 110 บาท

ตัวที่แปด บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 5.85% ถือว่าราคาหุ้นปรับตัวดีกว่ากลุ่ม นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 71.50 บาท/หุ้น พร้อมกับเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง

ตัวที่เก้า บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 5.26% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงไล่ซื้อหุ้นอยู่ ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มมูลค่าที่เหมาะสมเป็น 45 บาท เพื่อสะท้อนค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น โดยให้ธุรกิจโรงกลั่นมีมูลค่าที่เหมาะสม 32 บาท และมูลค่าที่เหมาะสมของโครงการโซลาร์ฟาร์มอีก 12 บาท

นอกจากนี้ มีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแล้ว ย่อมมีหุ้นที่ปรับตัวลง ซึ่งมีการปรับตัวลงระหว่าง 0.56-7.87% คือ TMB, KTB, DTAC, JAS, LH, THCOM, SAWAD, GLOW, BANPU, KBANK, TCAP, BBL, CPF, SCB, MINT, SCC, TRUE, และ ROBINS เห็นได้ว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงส่วนใหญ่ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มแบงก์

ข้อมูลทั้งสองด้านทำให้รู้ว่า พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ยังยึดติดกับข่าวสารในแต่ละวันที่เข้ามากระทบ โดยไม่แสวงหามุมมองด้านอื่นๆ จึงเห็นอาการตื่นตระหนกเกินเหตุอยู่บ่อยครั้ง จึงต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนจะเข้าลงทุนรอบใหม่

 

ความเครื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่ม SET50 ในเดือนมิถุนายน 2558

set5020150704

Back to top button