BCH – RJH หุ้นดาวเด่นกลุ่มการแพทย์

โบรกฯเคาะ BCH - RJH หุ้นดาวเด่นในกลุ่มการแพทย์ Upside สูง เดินหน้าลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการต่อเนื่อง


เส้นทางนักลงทุน

กรณีสมาคมโรงพยาบาลเอกชนฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว คำสั่ง คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ให้ยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าควบคุม อ้างทำให้ธุรกิจเสียหาย ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่าปัจจุบัน มีเพียงมาตรการการเฝ้าระวัง ยังไม่ได้กำหนดมาตรการควบคุมฯ เนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษาโครงสร้างต้นทุนเพื่อนำมากำหนดมาตรการ

ผลดังกล่าวทำให้ทางฝ่ายมองเป็นบวกต่อข่าวข้างต้น แม้ว่าปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์จะอยู่ระหว่างการศึกษาโครงสร้างต้นทุนและการกำหนดค่าบริการ เพื่อนำมากำหนดมาตรการควบคุมให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน (ราวเดือน มิ.ย.-ก.ค.62) แต่การที่สมาคมโรงพยาบาลเอกชนฟ้องศาลปกครองขอให้คุ้มครองคำสั่งชั่วคราว เพื่อให้ประกาศของ กกร. หยุดบังคับใช้ จะส่งผลให้เกิดกระบวนการต่อสู้คดีในชั้นศาล และคาดว่าอาจทำให้การกำหนดมาตรการอาจถูกชะลอไปอีกระยะหนึ่งได้

ในส่วนระยะยาวคาดว่าหลายภาคส่วนน่าจะต้องมีการทำงานร่วมกันเพื่อให้มีการกำหนดมาตรการด้านราคาออกมาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ทำให้ค่ารักษาที่ประชาชนต้องแบกรับต้นทุนค่ารักษาที่บานปลาย แต่ก็ไม่ทำให้ภาคเอกชนได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการนี้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตามทางนักวิเคราะห์ยังคงน้ำหนักของกลุ่มการแพทย์เท่ากับตลาด โดยมองมาตรการดังกล่าวเป็น Sentiment ในระยะสั้นต่อกลุ่มการแพทย์นั่นเอง  และที่สำคัญที่เห็นได้ว่าราคาหุ้นมีการทยอยปรับตัวขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับมาตรการควบคุมราคายาไปในระดับหนึ่งแล้ว

ทั้งนี้ทาง บล.เอเซีย พลัส คาดว่าหุ้น Top Pick ยกให้เป็น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH และ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH ถือว่ายังเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในช่วงนี้ จากคาดการณ์กำไรปกติงวดไตรมาส 1/2562 จะออกมาเติบโตโดดเด่น

ขณะเดียวกันยังคงแนะ “ซื้อ” ทั้งสองตัว โดย  BCH ให้ราคาเป้าหมาย 21 บาท ยังมี Upside ราว 18% และทาง RJH ให้ราคาเป้าหมาย 32 บาท ยังมี Upside ราว 34%

ถึงอย่างไรก็ตามยังมีรายละเอียดของ BCH และ RJH จากบทวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ !!!

อย่าง บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH มีการคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2562 เพิ่มขึ้น 18.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลงวดไตรมาส 1/2562 ที่เพิ่มขึ้น 12.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน  โดยรายได้ประกันสังคมงวดไตรมาส 1/2562 เติบโตเกิน 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น 6.1 หมื่นรายจากงวดไตรมาส 1/2561 มาอยู่ที่ 8.35 แสนราย (ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโควตาผู้ประกันตนเพิ่มอีก 5.7  หมื่นราย)

ส่วนรายได้ผู้ป่วยเงินสดที่เติบโตราว 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลบวก WMC ที่คนไข้ต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ชาวคูเวต ที่มีสัดส่วนรายได้ถึง 28% ของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ ทำให้ WMC พลิกจากขาดทุน 30 ล้านบาทในงวดไตรมาส 1/2561 คาดจะมีกำไรในงวดไตรมาส 1/2562 ราว 25 ล้านบาท และเกษมราษฎร์ อินเตอร์ รัตนาธิเบศร์ ได้เพิ่มศูนย์ใหม่ 3 ศูนย์ปลายปีก่อนหน้า คือ ศูนย์ทางเดินอาหาร ศูนย์สวนหัวใจ และศูนย์ไตเทียม ช่วยเพิ่มลูกค้าเงินสดแถบตะวันตก รวมทั้งเกษมราษฎร์ รามคำแหง ที่เปิดในปีก่อนหน้า มีผู้ป่วยเงินสดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยรวมคาดจะหนุนให้กำไรขั้นต้นขยับขึ้น 40 bps. และช่วยให้กำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้คาดกำไรงวดไตรมาส 2/2562 ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงเกิน 15% แม้ต้องตั้งสำรอง Employee Retirement Benefit เพิ่มขึ้น โดยคาดรายได้ประกันสังคมในงวดไตรมาส 2/2562 มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องจากผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นราว 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รวมถึงจะมีรายได้ส่วนเพิ่มค่าภาระเสี่ยง 26 โรคแรงร้ายที่ได้รับจริง คาดจะสูงกว่าที่บันทึกบัญชีไว้ในปี 2561 ราว 70 ล้านบาท เพราะ BCH ตั้งสำรองรายได้ประกันสังคมแบบอนุรักษนิยม

ขณะที่ไตรมาส 2/2562 ในโรงพยาบาลเวิลด์ เมคิคอล หรือ (WMC) คาดจะมีกำไรราว 25 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรราว 15 ล้านบาท ดังนั้นแม้ในงวดไตรมาส 2/2562 จะมีการตั้งสำรอง Employee Retirement Benefit ตามพ.ร.บ.แรงงานฉบับใหม่ราว 29 ล้านบาท แต่ยังมั่นใจว่ากำไรงวดไตรมาส 2/2562 จะเติบโตได้เกิน 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

อีกทั้งคาดกำไรครึ่งหลังของปี 2562 เติบโตในอัตราที่ลดลงจากครึ่งแรกของปี 2562 ไม่มาก แม้ฐานกำไรปีก่อนสูงมาก  โดยในงวดไตรมาส 3/2561 และไตรมาส 4/2561 ทาง WMC มีฐานกำไรที่สูงถึง 45 ล้านบาท และ 30 ล้านบาท ตามลำดับ ทำให้ในงวดครึ่งหลังของปี 2562  WMC จะเติบโตไม่สูงเหมือนครึ่งแรกของปี 2562 แต่ศูนย์ใหม่ IVF ที่จะเปิดกลางปีนี้ คาดจะช่วยให้กำไรของ WMC ครึ่งหลังของปี 2562 ยังเติบโตได้ดี

ส่วนรายได้ผู้ป่วยเงินสดในโรงพยาบาลอื่น ทั้งที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์และรามคำแหงยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และรายได้โครงการประกันสังคมยังเติบโตได้เกิน 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปีก่อน เป็นผลให้คาดกำไรสุทธิในปี 2562 จะเติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 17% ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่กำไรปกติเติบโตโดดเด่นสุด

ทาง BCH จัดเป็นหุ้น Growth Stock ในกลุ่มโรงพยาบาลที่มีพัฒนาการเติบโตต่อเนื่อง บวกกับราคาเป้าหมายปี 2562 อิงวิธี DCF อยู่ที่ 21 บาท Upside 18.6% อีกทั้งจะขึ้น XD อีก 0.12 บาท 9 พ.ค.นี้ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน”

ส่วนกรณี บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH มีการคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2562 โต 131% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรปกติโต 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดดเด่นสุดในกลุ่มโรงพยาบาล โดยคาดรายได้ธุรกิจโรงพยาบาล งวดไตรมาส 1/2562 เติบโตถึง 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ผู้ป่วยเงินสดที่เติบโตเกิน 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากมีผู้มารับการรักษาโรคที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะผ่าตัดโรคหัวใจ และผ่าตัดช่องท้อง หลังจากที่ปี 2562 จำนวนเตียง 25 เตียง และในต้นปีนี้มีการเพิ่มห้องผ่าตัดเล็กด้วยกล้องอีก 1 ห้องเป็น 4 ห้อง และการเพิ่มจำนวนเตียง รพ.ราชธานี โรจนะ 6 เตียง เป็นตัวผลักดันผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น

ขณะรายได้โครงการประกันสังคมคาดเติบโต 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนผู้ประกันที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.85 แสนราย จาก 1.7 แสนรายในงวดไตรมาส 1/2561 ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นไม่มาก จากประสิทธิภาพการควบคุมรายจ่ายที่ดี ทำให้คาดกำไรปกติงวดไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตามในงวดไตรมาส 1/2562 มีรายการพิเศษ 2 รายการ คือ 1) กำไรจากการขายที่ดิน 104 ล้านบาท และมีรายจ่าย SG&A จากการขายที่ดิน 6 ล้านบาท 2) ตั้งสำรองรายจ่าย 10 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.แรงงานฉบับใหม่ 8 ล้านบาท บันทึกในต้นทุน อีก 2 ล้านบาท บันทึกในกำไรทั้ง 2 รายการสุทธิหลังภาษีจะมีกำไรพิเศษเพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท  เป็นผลให้คาดจะมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2562 ที่ 152 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 131% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดดเด่นสุดในกลุ่ม

นอกจากนี้งวดไตรมาส 2/2562 แม้จะเป็นช่วง low season แต่ยังเห็นกำไรเติบโตดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยในงวดไตรมาส 2/2562 จะเพิ่มจำนวนเตียงที่โรงพยาบาลราชธานีอีก 20-25 เตียงในไตรมาส 2/2562 อีกทั้งยังเพิ่มห้องผ่าตัดอีก 2-3 ห้องที่โรงพยาบาลราชธานี และยังพยายามจัดระบบเพื่อเพิ่มกำลังการให้การบริการห้อง ICU โดยจะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยห้อง ICU ไปอยู่ห้องปกติหลังพ้นขีดอันตรายแล้ว อีกทั้งยังเน้นจุดเด่นของการให้บริการการผ่าตัดเล็กด้วยกล้อง และการสวนหัวใจ

ขณะการให้บริการผู้ป่วยเงินสดที่เป็นคนไข้นอกจะเพิ่มกำลังให้บริการศูนย์ฟอกไตตั้งแต่ต้น เม.ย. 2562 รวมทั้งเพิ่มห้องตรวจคนไข้อีก 3 ห้อง อีกทั้งยังปรับปรุงและขยายพื้นที่ตรวจคนไข้นอกที่ รพ.ราขธานี โรจนะ นอกจากนี้ RJH เตรียมแผนที่จะรุกให้บริการผู้ป่วยเงินสด ชาวต่างชาติ มากขึ้น โดยได้แบ่งโซนผู้ป่วยประกันสังคมไปอยู่ตึก C ขณะที่ตึก A และ B จะให้บริการผู้ป่วยเงินสดเท่านั้น ช่วยให้กำไรงวดไตรมาส 2/2562 ยังเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนในเกณฑ์ที่ดีอยู่

อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ รองรับผู้ป่วยต่างชาติและการเติบโตของผู้ป่วยเงินสด ในไตรมาส 2  ซึ่งเป็นช่วง low season จะมีการ renovate ตึก B นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผู้ป่วยเงินสด จึงได้มีการจ้างทีมงานของ BH เข้ามาฝึกอบรมบุคลากร รวมถึงติดตามและประมวลผล เพื่อยกระดับการให้บริการ เตรียมแผนรุกการให้บริการให้ผู้ป่วยต่างชาติในเร็ว ๆ นี้ ช่วยการเติบโตของรายได้ผู้ป่วยเงินสดตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2562 เป็นต้นไป

ประกอบกับด้วยวิธีบันทึกบัญชีค่าภาระเสี่ยงของโรคแบบอนุรักษนิยมตามที่ได้รับเงินจริงจากสำนักงานประกันสังคมงวดไตรมาส 4/2561 ราว 50% ของยอดที่ได้รับปี 2560  ทำให้ในงวดไตรมาส 2/2562 หรือไตรมาส 3/2562 จะมีการปรับปรุงรายได้ประกันสังคมเพิ่มเติมเข้ามาอีกราว 10-20 ล้านบาท ซึ่งทำให้กำไรปกติปี 2562 มีโอกาสเติบโตมากกว่า 14% ตามประมาณการ และกำไรสุทธิปี 2562 มีโอกาสเติบโตเกิน  48.5%

จากจุดเด่น เป็นหุ้นในกลุ่มที่มี PER ถูกสุดและกำไรปี 2562 เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม บวกกับราคาเป้าหมาย 33 บาท  Upside 38.7%  ขณะคาด Dividend Yield ทั้งปี 2562 สูงถึง 3.2% แนะนำ “ซื้อ”

กรณีดังกล่าวส่งผลให้ BCH และ RJH เป็นหุ้นดาวเด่นในกลุ่มการแพทย์ที่ยังเดินหน้าลงทุน พร้อมยังมี Upside สูง!!!.

Back to top button