ช่วงเวลาของชาวสวน
คำอธิบายแบบ “วีรชนหลังสงคราม” ของนักวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้หลังจากที่การร่วงในตอนเปิดตลาดเกือบทุกแห่งหลังจากข่าวแพร่สะพัดเรื่องสงครามการค้าระลอกใหม่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ออกมาข่มขู่ครั้งใหม่ว่าจะเล่นงานจีนแน่นอนหากยังขืนดื้อรั้นลากยาวการเจรจาออกไปแล้วรีบาวด์แรงกลับคืนทำให้ลบไปไม่มาก โดยระบุว่าตลาดฉลาดเกินกว่าจะถูกหลอกน่าจะถือว่าใกล้เคียงความจริงที่สุด
พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล
คำอธิบายแบบ “วีรชนหลังสงคราม” ของนักวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้หลังจากที่การร่วงในตอนเปิดตลาดเกือบทุกแห่งหลังจากข่าวแพร่สะพัดเรื่องสงครามการค้าระลอกใหม่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ออกมาข่มขู่ครั้งใหม่ว่าจะเล่นงานจีนแน่นอนหากยังขืนดื้อรั้นลากยาวการเจรจาออกไปแล้วรีบาวด์แรงกลับคืนทำให้ลบไปไม่มาก โดยระบุว่าตลาดฉลาดเกินกว่าจะถูกหลอกน่าจะถือว่าใกล้เคียงความจริงที่สุด
ที่บอกว่าตลาดฉลาดก็เพราะนักลงทุนสามารถแยกแยะออกระหว่าง “คำขู่” กับ “การลงมือ”
เหตุผลที่แยกแยะออกเพราะรู้ดีว่าทรัมป์นั้นอยากจะให้ดีลเจรจาบรรลุเป้าหมายโดยเร็วในขณะที่ทีมเจรจาของทั้ง2 ฝ่ายกำหนดหารือกันที่กรุงวอชิงตันในวันพุธที่ 8 พฤษภาคมนี้ ขณะที่ทรัมป์เองเพิ่งพูดเมื่อวันศุกร์ (3 พฤษภาคม) ว่าการเจรจาซึ่งยืดเยื้อกันมาหลายเดือนแล้วนี้มีความคืบหน้า
ปีที่ผ่านมาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้ทั้งสองฝ่ายสูญเสียหลายพันล้านดอลลาร์ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมากมายทั้งยานยนต์ เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรรมรวมทั้งยังสร้างความเสียหายลุกลามถึงประเทศและบริษัทที่พึ่งพิงการส่งออกตั้งแต่ญี่ปุ่นจนถึงเยอรมนี
ถ้าจะบอกว่าตลาดเริ่มจับทางออกของทรัมป์ได้มากขึ้นก็คงไม่ผิดเหตุผลเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกเขาเคยขู่เรื่องนี้มาก่อนแล้วตอนต้นปีนี้ ทว่าได้ยอมเลื่อนการขึ้นภาษีนี้ออกไปโดยบอกว่าเพราะการเจรจาการค้ามีความคืบหน้า
การประกาศข่มขู่ครั้งล่าสุดนี้แม้ดูย้อนแย้งกับท่าทีของคณะเจรจาตัวจริงนำโดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเจรจาของฝ่ายอเมริกา สำทับก่อนการเจรจาจะมีขึ้นในวันนี้ว่าการหารือรอบก่อนหน้านี้ที่ปักกิ่งประสบผลสำเร็จขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอีกคนถึงขั้นบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือนมิถุนายน
นอกจากนั้นยังมีความเคลื่อนไหวที่รอบคอบจากกระทรวงการต่างประเทศจีนที่ออกมาสยบภาวะตื่นตูมของตลาดได้ชะงัดโดยยืนยันว่าทีมเจรจาการค้าของฝ่ายตนกำลังเตรียมเดินทางไปวอชิงตันตามกำหนดนัดหมายแต่ไม่ได้ระบุว่าหัวหน้าคณะคือรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ จะไปด้วยหรือไม่
เกร็ดเล็ก ๆ ที่แพล็มออกมาจากคณะเจรจาฝ่ายสหรัฐฯ ว่านายโรเบิร์ต ไลไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่เป็นหัวหน้าผู้เจรจาของอเมริกันซึ่งโยงประเด็นรายละเอียดที่ว่าจีนยกเลิกคำมั่นบางอย่างที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ที่น่าจะเป็นที่มาของการทวีตข่มขู่ปักกิ่งของทรัมป์
จนถึงขณะนี้ถึงแม้จีนตกลงสั่งซื้อสินค้าสหรัฐฯ เพิ่ม โดยเฉพาะจากภาคเกษตรกรรมและพลังงาน ทว่าบางฝ่ายในสหรัฐฯ ยังคงเห็นว่าอุปสรรคใหญ่ข้อหนึ่งที่ขัดขวางการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายคือกลไกการบังคับใช้หลังจากทั้งฝ่ายบรรลุข้อตกลงซึ่งวอชิงตันยืนกรานว่าต้องมีเพื่อป้องกันไม่ให้ปักกิ่งเพิกเฉยต่อคำมั่นที่ให้ไว้เหมือนหลาย ๆ ครั้งในอดีต
แม้ว่าตลาดบางส่วนยังคงมีคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่กลยุทธ์การเจรจาของทรัมป์หรือจะมีการขึ้นภาษีครั้งใหญ่จริงซึ่งจะสร้างความกดดันแง่ลบต่อตลาดโดยรวม แต่แนวโน้มของคำตอบว่าเป็นแค่กลยุทธ์น่าจะมีน้ำหนักมากกว่าในยามนี้เพราะมีคนนำไปเชื่อมโยงว่าโดยส่วนลึกแล้วทรัมป์ยังหวังว่าจะได้รับเลือกตั้งกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยในปีหน้าจากการใช้ท่าทีแข็งกร้าว “แข็งนอกอ่อนใน” ในประเด็นการค้า เพราะแท้ที่จริงแล้วภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าส่วนใหญ่จ่ายโดยบริษัทของอเมริกาเอง
ท่าทีล่าสุดของโฆษกสมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีกสหรัฐฯ กล่าวว่า แม้สนับสนุนให้ทรัมป์จัดการแบบถอนรากถอนโคนกับแนวทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีนแต่ธุรกิจอเมริกันต้องการให้ยกเลิกภาษีศุลกากรสินค้าจีนมากกว่าเก็บเพิ่มซึ่งเท่ากับเป็นการรีดภาษีจากครอบครัวชาวอเมริกันนับล้าน อีกทั้งยั่วยุให้จีนตอบโต้กับเกษตรกรอเมริกัน
นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทเชื่อว่าการที่ดัชนีดาวโจนส์เมื่อวันจันทร์เปิดมาร่วงแรงมากถึง 470 จุดแล้วกลับมีแรงซื้อดันดัชนีลบท้ายตลาดแค่ 67 จุด ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ลบท้ายตลาดแค่ 13 จุดเพราะนักลงทุนมั่นใจว่าท้ายสุดแล้วผลประโยชน์ร่วมจะทำให้การเจรจาลงเอยได้แม้จะไม่น่ายินดีนัก
อันตรายของสงครามการค้าในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าของจีนกลับอยู่ที่ว่าสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งของจีน (จากมาตรการทางการคลัง) และของอเมริกา (จากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง) ทำให้ทั้งสองฝ่ายมั่นใจเกินไปจนนำไปสู่แนวโน้มว่าสงครามการค้าจะยืดเยื้อ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับตลาดเก็งกำไร
ตราบใดที่สงครามการค้าไม่นำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ นักลงทุนในตลาดหุ้นก็ไม่ถือว่ามีปัจจัยลบมากเกินขนาดจนต้องถอนตัวลนลานแบบยอมตัดขาดทุน
ภาวะเช่นนี้สำหรับนักลงทุนบางกลุ่มอาจจะเกิดมุมมองว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาของ “ชาวสวน” เสียที