หุ้นโรงกลั่นสั่นสะท้าน..!?
ถูกตั้งความหวังไว้สูง..!! สำหรับหุ้นโรงกลั่น ว่าผลประกอบการไตรมาส 1/62 ต้องออกมาเริ่ดหรู !!
สำนักข่าวรัชดา
ถูกตั้งความหวังไว้สูง..!! สำหรับหุ้นโรงกลั่น ว่าผลประกอบการไตรมาส 1/62 ต้องออกมาเริ่ดหรู !!
หลังจากช่วงกลางปีก่อน เจอขาดทุนสต็อกน้ำมัน กดดันให้ไตรมาส 4/61 กลุ่มโรงกลั่นแย่ทุกค่าย
กระทั่งช่วงปลายปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2562 ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น
หนุนให้นักลงทุนกลับมามีความหวังกับหุ้นกลุ่มโรงกลั่นอีกครั้ง ว่าจะพลิกกลับมามีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ??
แต่…งบไตรมาส 1/62 ที่ออกมากลับน่าผิดหวัง !!
ประเดิมด้วยบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ที่มีกำไรสุทธิแค่ 153 ล้านบาท ลดลง 94% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,752 ล้านบาท
โดยมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิ 516 ล้านบาท..น้อยกว่าที่คาดไว้มาก.!
ส่วนค่าการกลั่นลดลงอยู่ที่ 9.94 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมอยู่ที่ 14.42 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
เฉกเช่นเดียวกับสเปรดราคาปิโตรเคมี ก็ปรับลดลงเช่นกัน
ทำให้ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของผู้ถือหุ้นที่ตั้งความหวังไว้สูง..!
หันไปดูบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP น่าผิดหวัง มีกำไรสุทธิแค่ 213.95 ล้านบาท ลดลง 82% เทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,167.85 ล้านบาท
ทั้ง ๆ ที่บริษัทลูกอย่างบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG กำไรเติบโตดี แถมธุรกิจโรงไฟฟ้าก็เติบโตมาช่วยหนุน..
แต่…แทบไม่ได้ช่วยอะไร..!!
ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดเหลือ 2,181 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 3,328 ล้านบาท
หลัก ๆ มาจากค่าการกลั่นลดเหลือ 3.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 6.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 9 ล้านบาท
ส่วนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีกำไรสุทธิ 4,408 ล้านบาท ลดลง 21.39% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,608 ล้านบาท
ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ไม่น้อยทีเดียว…
แม้ TOP จะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 2,092 ล้านบาท และการกลับรายการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินค้า คงเหลือน้ำมันให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ 1,424 ล้านบาท
แต่ยังไม่ดีพอ…เนื่องจากกำไรขั้นต้นเหลือแค่ 5.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 8.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับลดลง โดยเฉพาะส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากภาวะอุปทานล้นตลาด รวมถึงส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ำมันเตาที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากอุปทานในเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้น
กลายเป็นหุ้นโรงกลั่นอีกหนึ่งตัวที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน !!
ขณะที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC มีกำไรสุทธิ 6,442.65 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 12,387.80 ล้านบาท
สร้างความผิดหวังไม่น้อยเช่นกัน ด้วยเหตุที่ถูกมองว่า PTTGC น่าจะบริหารความเสี่ยงได้มากสุด เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสายน้ำมันดิบและสายก๊าซธรรมชาติ
แต่พบว่า PTTGC มีค่าการกลั่นอยู่ที่ 3.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีค่าการกลั่นอยู่ที่ 6.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
เช่นเดียวกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมโดยรวมลดลงเฉลี่ยประมาณ 24%
ค่ายที่พอจะกู้หน้าให้กับกลุ่มโรงกลั่นได้ เห็นจะเป็นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ที่มีกำไรสุทธิ 1,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 953 ล้านบาท
ที่เห็นกำไรของ ESSO โตโป่งเป็นพิเศษ มาจากธุรกิจปิโตรเคมี ที่มีกำไรจากการขาย 222 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 138 ล้านบาท
แต่ถ้าดูไส้ในจะเห็นว่าค่าการกลั่นลดลงอยู่ที่ 4.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมอยู่ที่ 8.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ไม่ต่างจากค่ายอื่น
ดังนั้นดูเหมือนราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยให้หุ้นโรงกลั่นน่าภิรมย์เท่าใดนัก
ส่วนอีกค่ายที่ต้องลุ้น! บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ถ้าดูจากค่ายอื่น ๆ แล้วก็คงต้องทำใจไว้ได้เลย…
…อิ อิ อิ…