บจ.กำไร 2.55 แสนล้าน
เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) เป็นวันสุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต้องแจ้งงบงวดไตรมาส 1/2562
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) เป็นวันสุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต้องแจ้งงบงวดไตรมาส 1/2562
อาจมีบางบจ.ที่ส่งล่าช้ากว่านั้น
หรือบางแห่งก็อาจมีปัญหาบางอย่างทำให้ไม่สามารถส่งงบได้
ทว่า บจ.เหล่านี้มีจำนวนค่อนข้างน้อย และไม่มีนัยสำคัญต่อภาพรวมของตัวเลขกำไรที่รายงานออกมา
ล่าสุด (เช้าวันที่ 15 พ.ค.) เท่าที่มีการรวบรวมกำไรของบจ. รายงานผลดำเนินงานออกมาแล้วทั้งใน SET และ mai รวม 592 บริษัท มีกำไรสุทธิทั้งหมด 257,332 ล้านบาท เติบโต 66.73% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2561 แต่จะลดลง 9.10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561
กำไรสุทธิทั้งหมดที่ว่านี้
แบ่งเป็นหุ้นที่อยู่ใน SET แจ้งงบแล้ว 461 บริษัท คิดเป็น 96-67% ของมาร์เก็ตแคป
พบว่า มีกำไรรวมกันกว่า 255,329 ล้านบาท เติบโต 66.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2561 แต่ลดลง 9.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561
ส่วนบริษัทจดทะเบียนใน mai แจ้งงบแล้ว 131 บริษัท
ทั้งหมดมีกำไรสุทธิกว่า 2,003 ล้านบาท เติบโต 19.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2561 และเติบโต 233.7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/2561
จะว่าไปแล้ว กำไรของ บจ.ไตรมาส 1/2561
หากยังจำกันได้ หรือเจาะลึกลงไป จะพบว่า หุ้นในกลุ่มพลังงาน มีการ “บันทึกรายได้พิเศษ” กันค่อนข้างมาก
และนั่นทำให้กำไรในงวดไตรมาสดังกล่าว โป่งขึ้นมาเป็นพิเศษ
ดังนั้น เมื่อกำไรงวดไตรมาส 1/2562 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แล้วลดลงกว่า 9.3% (หุ้นใน SET)
จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่าตกใจ หรือตื่นตูมอะไรไป
เช่นเดียวกับงวดไตรมาส 4/2561 ที่เมื่อนำกำไรในไตรมาส 1 ปีนี้ไปเปรียบเทียบ แล้วโตขึ้นมา 66-67%
นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่าตื่นเต้น หรือดีใจอะไรกันไปเช่นกัน
เพราะในงวดไตรมาส 4 ปีก่อน หุ้นใน “กลุ่มพลังงาน” ต่างมีผลประกอบการออกมาไม่ดีนัก จากราคาน้ำมันดิบโลกดิ่งลงอย่างหนัก ทำให้ขาดทุนสต็อกกันถ้วนหน้า
เท่าที่ดูความเห็นของหลายโบรกฯ
ต่างมองกำไรงวดไตรมาส 1 แบบเป็น “เชิงบวก”
นั่นคือ ภาพรวมออกมาดี และเป็นไปตามคาดการณ์ หรือบางโบรกฯ บอกว่า มากกว่าคาดการณ์ด้วยซ้ำ
เมื่อเจาะลึกลงไปอีก ยังพบว่า กลุ่มหุ้นที่มีผลประกอบการออกมาดี และยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปีนี้
เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มอาหาร กลุ่มการเงิน (MTC – SAWAD – KTC – TK ) และกลุ่มเครื่องดื่ม
มีมุมมองเพิ่มเติมจาก บล.โนมูระฯ
เขาได้แยกตัวเลขกำไรของบจ. ออกมาเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า แต่ละกลุ่มธุรกิจเป็นอย่างไร
โนมูระฯ มองว่า กำไรภาพรวมถือว่า “เป็นสิ่งที่ตลาดประเมินไว้แล้ว”
แต่มีบางกลุ่มที่ดีกว่าคาด คือ กลุ่มธนาคาร กำไรรวมกัน 5.58 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.18% (BAY บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นใน “เงินติดล้อ”)
กลุ่มภาคการผลิต 442 บริษัท กำไรรวม 1.94 แสนล้านบาท
โดย 124 บริษัทที่มีการคาดการณ์กำไรรวม 1.6 แสนล้านบาท กำไรดีกว่าคาด 11.7%
ตัวเลขกำไรนี้สะท้อนกำไรรวมทั้งตลาดดีกว่าคาดราว 11% หลัก ๆ เกิดจากกลุ่มพลังงาน ขณะที่กลุ่มในประเทศเน้นการปรับโครงสร้างต้นทุน ทำให้ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น