พาราสาวะถี
ไม่ได้โกหกประชาชน วาทกรรมของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในวันที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ จะเป็นบันทึกส่วนตัวของเสี่ยหนูและพรรคของตัวเอง ที่ประชาชนจะใช้เป็นคำตอบในการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ต้องบอกว่า ไม่เคยสัญญิงสัญญาอะไร จึงไม่ใช่เรื่องการตระบัดสัตย์ สงสัยคงลืมไปว่ายุคนี้เป็นยุคอะไร ทุกอย่างมีหลักฐานไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการต่อรองผลประโยชน์กันในวันนี้มันทำให้คนเข้าใจคำว่า "กำพืด" นักการเมืองได้เป็นอย่างดี
อรชุน
ไม่ได้โกหกประชาชน วาทกรรมของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในวันที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ จะเป็นบันทึกส่วนตัวของเสี่ยหนูและพรรคของตัวเอง ที่ประชาชนจะใช้เป็นคำตอบในการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ต้องบอกว่า ไม่เคยสัญญิงสัญญาอะไร จึงไม่ใช่เรื่องการตระบัดสัตย์ สงสัยคงลืมไปว่ายุคนี้เป็นยุคอะไร ทุกอย่างมีหลักฐานไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการต่อรองผลประโยชน์กันในวันนี้มันทำให้คนเข้าใจคำว่า “กำพืด” นักการเมืองได้เป็นอย่างดี
ไม่ต่างอะไรจากพรรคประชาธิปัตย์ อาจใช้ความจัดเจนในแง่ของการพูด แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมันไม่อาจบิดเบือนเหมือนยุคที่มีคนไปตะโกนในโรงหนังได้อีกแล้ว ดังนั้น ภาพจำของการที่ วัชระ เพชรทอง ชูป้ายไม่สนับสนุนประยุทธ์ ก่อนที่จะโดนพวกเดียวกันตีตราว่าไร้มารยาท เนื่องจากไปกระทำต่อสิ่งที่ตัวเองถือหางอยู่ เหล่านี้ก็จะถูกนำมาประกอบการตัดสินใจเลือกผู้แทนของประชาชนในครั้งต่อไปเช่นเดียวกัน จากหลักร้อยเหลือครึ่งร้อย สถานีต่อไปคงเหลือต่ำสิบ หรืออาจสูญพันธุ์อย่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ว่าไว้
อย่างไรก็ตาม การเดินหมากเกมทางการเมืองของพรรคเก่าแก่หนนี้ ตั้งแต่การชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรมาให้ ชวน หลีกภัย นั่งได้สำเร็จ บรรดากองเชียร์ต่างพากันกระหยิ่มยิ้มย่องว่านี่คือเซียนการเมืองของจริง มิหนำซ้ำ ยังตั้งเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลด้วยการผูกพ่วงให้พรรคสืบทอดอำนาจตอบรับการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับศรีธนญชัยด้วย แต่ประเด็นนี้ถ้าคอการเมืองที่รู้เช่นเห็นชาติพรรคการเมืองนี้ดี ย่อมรู้ว่า มันเป็นเพียงแค่ประเด็นแถมพกเพื่อให้การตัดสินใจร่วมขบวนสืบทอดอำนาจดูดีเท่านั้น
เป็นที่รู้กันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้โคตรยากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น หากกองเชียร์ที่รักประชาธิปัตย์จริง หรือฝ่ายที่ดักคอกันทุกเม็ดทุกดอก ต้องช่วยกันเรียกร้องด้วยว่า เงื่อนไขขอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น จะผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ภายในสมัยรัฐบาลนี้ใช่หรือไม่ ถ้าไม่ได้หรือไม่ทำโดยอีกฝ่ายบ่ายเบี่ยง พรรคที่เสนอจะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลทันที หากกล้าการันตีอย่างนี้จึงจะเป็นสิ่งที่สะท้อนความจริงใจและจริงจังได้
แต่เมื่อไม่สัญญาหรือประกาศอะไร ไม่รู้ว่าจะแก้ได้ในชาตินี้หรือชาติหน้า มันก็เป็นทางหนีตีกรรเชียงของพรรคที่ถนัดเกมการเมืองแบบนี้อยู่แล้วว่า บอกจะแก้แต่ไม่ได้รับปากว่าจะทำให้เสร็จเมื่อไหร่ เหลี่ยมคูทางการเมืองวันนี้ ถ้าไม่มืดบอดหรือมัวแต่ไปจับผิด โมโหโกรธากันเรื่องไปหนุนขบวนการสืบทอดอำนาจ ก็จะหลงลืมรายละเอียด ที่จะต้องขอคำมั่นจากนักการเมืองลิ้นหลายแฉกไปเสียฉิบ สังคมคงไม่ต้องตั้งสติ แต่นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ต้านการสืบทอดอำนาจนั้นต้องรีบตื่นรู้โดยเร็ว
ไม่จำเป็นต้องมาร้องแรกแหกกระเชอหรือเรียกร้องให้สองพรรคตัวแปรสำคัญหันกลับมาเป็นพวกเดียวกัน ในเมื่อความเป็นจริงก็เห็นกันอยู่แล้ว 250 เสียงส.ว.ลากตั้งยืนขวางอยู่อย่างนั้น มันจะพากันไปโหวตมือเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร เท่านี้ก็จบแล้ว มิหนำซ้ำ ถ้าฟังคำของอนุทินที่อุตส่าห์ย้ำในวันตกปากรับคำพรรคสืบทอดอำนาจว่า ต้องเลือกอยู่กับพรรคที่ตั้งรัฐบาลแล้วมีเสถียรภาพ จนหลายคนงุนงงสงสัยว่า เมื่อเสียงปริ่มน้ำมันจะมั่นคงได้อย่างไร
นั่นก็เป็นมุมคิดที่ต่างกัน เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเขี้ยวในแง่ธุรกิจแล้วกระโดดมาสู่สนามการเมืองแบบเต็มตัวเช่นนี้ ไม่ได้มองแค่เสียงส.ส.ในสภาเท่านั้น หากแต่พิจารณาจากปัจจัยแวดล้อม ทั้งเสียงของพวกลากตั้งและองคาพยพที่จะค้ำยันให้รัฐบาลอยู่ได้ อันหมายถึงกองทัพ อย่างที่รู้กันเหล่าผู้นำทั้งหลายก็ไปมีหัวโขนเป็นส.ว.ลากตั้งโดยตำแหน่ง และตลอดระยะเวลา 5 ปีของคณะเผด็จการคสช. ก็เกื้อหนุนกันมาเป็นอย่างดี แนบแน่นกันยิ่งกว่าคอหอยลูกกระเดือก เช่นนี้มันจะไม่เรียกว่าเสถียรภาพแล้วจะเรียกว่าอะไร
ด้วยปัจจัยเกื้อหนุนเหล่านี้ บวกกับประสานักลงทุนที่ต้องเร่งรัดสร้างปัจจัยมาทดแทนสิ่งที่ได้ใช้ไปในการเลือกตั้ง ยิ่งมองเห็นว่าอนาคตของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นไม่รู้ว่าลากยาวได้ถึงเมื่อไหร่ การรีบตัดสินใจเพื่อจะไปแสวงหาปัจจัยจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและพวกพ้อง (นายทุนพรรค) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคแกนนำนั้น ไม่เพียงแต่จะต้องคืนให้กับผู้สนับสนุนหลักตามที่ได้ตกปากรับคำกันไว้ก่อนเลือกตั้งแล้ว ยังต้องหามาเพื่อใช้เลี้ยงงูเห่าที่จะต้องซื้อกันเป็นคราว ๆ ตลอดอายุสัมปทานของรัฐบาลสืบทอดอำนาจด้วย
ขณะที่ประเด็นว่าด้วยการต่อรองเก้าอี้ นอกจากติดขัดแต่เคลียร์กันลงตัวคงเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ประชาธิปัตย์ขอแต่พลังประชารัฐยื้อ เพราะระดับแกนนำเขาจองไว้ตั้งแต่หาเสียง ไม่น่าจะมีอะไรที่หนักใจ แต่ที่มาเหนือเมฆคือชาติไทยพัฒนาจากเดิมได้ 2 เก้าอี้ขอเพิ่มอีก 1 ด้วยคำขาดไม่สนองก็พร้อมจะเดินทางสายกลางด้วยการเป็นฝ่ายค้านอิสระ ไม่รู้ว่าเจอไม้นี้เข้าไปจากที่ปวดหัวกับสองพรรคตัวแปรสำคัญ แกนนำพรรคสืบทอดอำนาจคงต้องกุมขมับต่อ แต่คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่
ด้านขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เห็นรูปรอยขององคาพยพเดิมที่เคยมีอย่าง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือนปช. คงยากที่จะเดินกันได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ลำพังรอยปริแยกของระดับแกนนำนั่นก็ส่วนหนึ่ง ยังมีเรื่องของท่อน้ำเลี้ยงที่มาถึงเวลานี้ไหลแบบกะปริดกะปรอย บางส่วนนั้นถูกปิดท่อน้ำเลี้ยงไปเรียบร้อย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ฉายแววความหวังใหม่ของผู้ที่มีหัวใจรักประชาธิปไตยในพ.ศ.นี้
ไม่เพียงแต่จะต่อกรกับพรรคการเมืองในระบบรัฐสภาเท่านั้น หากแต่การเคลื่อนไหวในระดับมวลชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศก็น่าสนใจ รอพิสูจน์ได้จากการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ผลเลือกตั้งซ่อมเขต 8 เชียงใหม่เป็นตัวบ่งชี้ แม้จะมีฐานเสียงที่เทมาจากเพื่อไทยนั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ไหลมาเพียว ๆ เกือบ 3 หมื่นคะแนนนั้นเป็นความนิยมชมชอบในพรรคการเมืองเกิดใหม่แห่งนี้ล้วน ๆ นี่ไง เหตุผลที่ทำให้เกิดขบวนการไม่ให้ธนาธรเข้าสภา
หลังหมดยุคม.44 และอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต้องรอดูกันว่า กลไกปกติที่พรรคกองหนุนสืบทอดอำนาจอ้างว่ามีเสถียรภาพนั้นจะเกื้อหนุนให้อยู่ยงคงกระพันกันได้หรือไม่ นอกจากปัจจัยพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่จะคอยแซะตลอดเวลาแล้ว กลุ่มปัญหาความเดือดร้อนเมื่อถึงเวลาแล้วยังไม่มีปัญญาแก้ไขให้ได้ เมื่อนั้นจะเป็นจังหวะที่ระเบิดเวลาซึ่งนับถอยหลังมาตลอดรัฐบาลเผด็จการจะปะทุขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ารุนแรงหรือไม่อย่างไร