สะเทือนดวงดาว
*กลายเป็นกระแสดราม่าขึ้นมาในทันที หลังจากสำนักงานที่เคยได้ชื่อเป็นเสือกระดาษลุกขึ้นมาจัดระเบียบ พร้อมกับสังคายนาครั้งใหญ่กับผู้สอบบัญชีนอกรีตที่ใช้ข้อมูลหาประโยชน์ใส่กระเป๋าตัวเอง ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายแซ่ซ้องผลงานชิ้นโบแดงของ “เจ๊รื่นวดี” กันยกใหญ่ หลังจากปล่อยให้ก๊กก๊วนดังกล่าวอาละวาดในตลาดหุ้นเป็นเวลานาน เดี๊ยนเลยต้องกล่าวคำชื่นชมกันสักนิดหนึ่งพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*กลายเป็นกระแสดราม่าขึ้นมาในทันที หลังจากสำนักงานที่เคยได้ชื่อเป็นเสือกระดาษลุกขึ้นมาจัดระเบียบ พร้อมกับสังคายนาครั้งใหญ่กับผู้สอบบัญชีนอกรีตที่ใช้ข้อมูลหาประโยชน์ใส่กระเป๋าตัวเอง ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายแซ่ซ้องผลงานชิ้นโบแดงของ “เจ๊รื่นวดี” กันยกใหญ่ หลังจากปล่อยให้ก๊กก๊วนดังกล่าวอาละวาดในตลาดหุ้นเป็นเวลานาน เดี๊ยนเลยต้องกล่าวคำชื่นชมกันสักนิดหนึ่งพะยะค่ะ
*เนื่องจากหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมาไม่เคยเล่นงานบริษัทผู้สอบบัญชีได้อย่างจังหนับสักที ส่งผลให้ปฏิบัติการล้วงคองูเห่าในครั้งนี้ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้สำนักงานบัญชีเหล่านั้นต้องพึงสังวรมากขึ้นกว่าเดิมว่า อย่าได้ทำอะไรที่ย่ามใจเป็นอันขาด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมเกิดอาการตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องไชนีสวอลล์ของผู้สอบบัญชีมันมีอยู่จริงไหม ?
*ที่สำคัญคือบริษัทผู้สอบบัญชี “อีวาย” ดันเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทฉาวสองสามแห่งในตลาดหุ้นเสียด้วย จึงทำให้ผู้คนมากมายช่วยกันขุดคุ้ยข้อมูลที่ลิงก์เข้าไปยังบุคคลต่าง ๆ ที่อยู่ในสำนักงานดังกล่าวกันจ้าละหวั่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากมีคำสั่งแบนพนักงานระดับสูง 3 รายที่เข้าไปดูงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน 12 แห่งก่อนแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ นะซี
*โดยไฮไลต์ของเรื่องกล่าวไปพีกสุดตรงที่เขาเหล่านั้นดันแอบไปซื้อหุ้นและฟิวเจอร์ รวมทั้งนำข่าวสารไปบอกกับคนใกล้ชิด ก่อนจะขายทำกำไรกันอย่างสบายใจเฉิบ เมื่อถึงวันประกาศงบอย่างเป็นทางการนั้น “โมนิก้า” มองเป็นจุดที่ทำให้สังคมเกิดอาการระแวงมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับป้องปากนินทาบริษัทผู้สอบบัญชีรายนี้กันอย่างสนุกปากเลยทีเดียวนะจะบอกให้
*ประเด็นที่ทำให้คนเม้าท์มอยกันเยอะน่าจะมาจากเอฟเฟ็กต์หุ้นร้อนอย่าง GL กับ EARTH ซึ่งเป็นบริษัทลูกค้าของสำนักงานดังกล่าวได้สร้างมลทินไว้กับตลาดหุ้นอย่างแสบสัน ซึ่งตอนนั้นมีการเรียกร้องให้ผู้สอบบัญชีออกมาแสดงความรับผิดชอบกันอย่างดาษดื่น แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง ทุกคนเลยเกิดอาการเซ็งในอารมณ์กันเป็นแถว พอสุดท้ายเรื่องแดงขึ้นมาจริง ๆ บรรดาขาเผือกเลยช่วยกันรุมสหบาทาจนจมดินอย่างที่เห็นนี้แหละพ่อทูนหัว !
*งานนี้หากจะเม้าท์กันขำ ๆ เพื่อให้มิตรสหายรีแลกซ์กับสถานการณ์ของตลาดหุ้นที่ผันผวน “โมนิก้า” คงต้องเอ่ยคำว่า “เชือดไก่ให้ลิงดู” เพราะช่วงที่ผ่านมาปล่อยปละละเลยกันมากเกินไป จึงต้องแสดงกำลังภายในเพื่อสยบพวกเด็กดื้อสักนิดหน่อย ซึ่งสัมฤทธิผลได้ดั่งที่ใจมือคุมกฎปรารถนาเสียด้วย วันนี้ถึงเห็นผู้คนมากมายในตลาดหุ้น “เอ็นจอย” มากกว่า “โซแซด” พะยะค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องที่มีความสุขขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามองปรากฏการณ์เงินทุนทะลักเข้ามารอบใหม่ จนดันดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,632.04 จุด บวกไป 7.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.05 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นระดับการเทรดที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นไทยมาเป็นเวลา 44 ปี ย่อมเป็นจุดที่ทุกคนคาดหวังต่อไปว่า วันนี้หุ้นจะไปต่อยาว ๆ อย่างแน่นอน (เขาว่าอย่างนั้น) นะตัวเอง
*ยิ่งเห็นพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติแสดงยอดซื้อสูงถึง 1.68 แสนล้านบาท ขณะที่ยอดสุทธิแสดงตัวเลขซื้อมากถึง 1.25 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสวนนักลงทุนกลุ่มอื่นได้อย่างสะแด่วแห้ว ยิ่งเป็นการย้ำหัวหมุดให้ทุกคนเห็นว่า พอการเมืองเริ่มมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ย่อมเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันขนเงินเข้ามาลงทุนเต็มตัว ภาพของตลาดหุ้นไทยถึงพลิกโฉมไปอย่างรวดเร็วเจ้าค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้หุ้นกลุ่มบลูชิพกลับมาอยู่ในเรดาร์ของฝรั่งหัวทองอีกครั้ง และครั้งนี้คงเห็นหุ้นกลุ่มดังกล่าวทะยานกลับขึ้นไปหายอดเดิมในไม่ช้า (ภายใต้เงื่อนไขฝรั่งลุยสุดซอย) “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับกลับมามองหุ้นกลุ่มดังกล่าว ควบคู่กับหุ้นเติบโตในคราวเดียวกันไปเลย ผนวกกับเริ่มมีการเม้าท์ถึงเรื่องเขียวทั้งแผงหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่มีเวลาอิดออดคิดอะไรอีกต่อไปนะจะบอกให้
*ที่สำคัญคือ “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องพูดจำเพาะเจาะจงลงไปที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาได้บอกเล่าถึงหุ้นดาวเด่นที่อยู่ในใจไปเยอะพอสมควรแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของแมงเม่าต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวกันเอาเอง…โปรดฟังอีกครั้ง..อิอิอิ