ชักหน้าไม่ถึงหลัง
*ตลาดหุ้นท้ายสัปดาห์วิ่งแบบสะเปะสะปะจากแรงซื้อและแรงขายที่เข้ามาตลอดทั้งวันจนลงไปทำจุดต่ำสุดอยู่แถว ๆ 1,612.17 จุด ลักษณะที่เกิดขึ้นทำให้ “โมนิก้า” ถึงกับต้องเอากลับไปคิดเป็นการบ้านถึงเหตุการณ์รอบด้านที่มีอยู่ขณะนี้ว่า ปัจจัยลบหรือปัจจัยบวกมีอิทธิพลต่อการซื้อขายของหุ้นมากกว่ากัน ? ซึ่งคำตอบเห็นได้จากรูปแบบของดัชนีตลอดสัปดาห์ที่แล้วทำให้เดี๊ยนต้องเกาะติดแนวรับ 1,600 จุดเอาไว้ให้มั่น
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ตลาดหุ้นท้ายสัปดาห์วิ่งแบบสะเปะสะปะจากแรงซื้อและแรงขายที่เข้ามาตลอดทั้งวันจนลงไปทำจุดต่ำสุดอยู่แถว ๆ 1,612.17 จุด ลักษณะที่เกิดขึ้นทำให้ “โมนิก้า” ถึงกับต้องเอากลับไปคิดเป็นการบ้านถึงเหตุการณ์รอบด้านที่มีอยู่ขณะนี้ว่า ปัจจัยลบหรือปัจจัยบวกมีอิทธิพลต่อการซื้อขายของหุ้นมากกว่ากัน ? ซึ่งคำตอบเห็นได้จากรูปแบบของดัชนีตลอดสัปดาห์ที่แล้วทำให้เดี๊ยนต้องเกาะติดแนวรับ 1,600 จุดเอาไว้ให้มั่น
*ดังนั้นสิ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้ทุกคนกลับไปคิดในเที่ยวนี้คือการที่ดัชนีมาปิดที่ระดับ 1,620.22 จุด ลบไป 1.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.78 หมื่นล้านบาท ในช่วงท้ายสัปดาห์มันใช่จังหวะลุยเข้าเก็บสุดตัวหรือเปล่า เพราะการขึ้น-ลงของตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลต่างประเทศ และท่าทีของการเมืองไทยซึ่งเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่ยังคงคุกรุ่น นักเล่นที่มักปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศการลงทุนผลสุดท้ายเลยพบกับความผิดหวังเป็นประจำ
*วันนี้ถึงไม่ต้องถามว่าควรทำตัวแบบไหน ? ควรเล่นหุ้นตัวไหน ? และควรขายตอนไหน ? เพราะรูปแบบการขยับตัวที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้กับเที่ยวก่อนไม่ต่างกันเลย เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของดัชนียังอยู่ในรูปแบบขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นการเคลื่อนไหวที่ยังไม่มีจุดแน่นอน เมื่อหุ้นลงก็เข้าซื้อ และมาขายทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้นหุ้นที่มิตรรักแฟนคลับควรให้ความสนใจเป็นหุ้นที่พื้นฐานดีที่ทนแรงเสียดทานไหว เพราะหุ้นเหล่านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นมากกว่าตัวอื่น ๆ
*เห็นได้ชัดจากในรายของ BLAND ค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนวานนี้ราคาขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.58 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52.46 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีของหุ้นเมื่อราคายังต่ำกว่าพื้นฐาน แถมมีประเด็นบวกคือยีลด์ที่สูงเกือบ 6% ถือเป็นช็อตมีลุ้นให้หุ้นวิ่งไปทดสอบ 1.69 บาท และหากทะลุได้เป้า 2.86 บาทก็คงไม่ไกลเกินฝันเจ้าค่ะ
*ฟากหุ้น RPC กลับมาเล่นกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน จนทำหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.55 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 3.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.51 ล้านบาท การเคลื่อนตัวของราคารอบนี้ทำให้สัญญาณเทคนิคมีทิศทางเป็นขาขึ้นทำให้หุ้นดูดึงดูดขึ้นมาทันที เพราะหากราคาไต่ทะลุ 0.62 บาทได้จะเป็นตำแหน่งที่หนุนให้หุ้นวิ่งขึ้นได้อีกไกลเจ้าค่ะ
*คล้ายกับในรายของ PTG หลังจากหุ้นยังแรลลี่ยาวมาถึง 5 วันติด ล่าสุดยังขึ้นมาปิดบวกที่ระดับ 16.70 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือ 3.73% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 522.24 ล้านบาท หากว่ากันตามสัญญาณเทคนิคประกอบกับด้านพื้นฐาน ถือว่าหุ้นตัวนี้ยังมีปัจจัยหนุนให้วิ่งไปต่อ หากผสมโรงด้วยผลงานไตรมาส 2 ตามเป้าอีกสักนิด “เดี๊ยน” รับรองว่าปังเจ้าค่ะ…อิอิ
*ส่วนในรายของ DELTA กระชากขึ้นอย่างร้อนแรงถึง 2 วันติด จนขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 63.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 157.26 ล้านบาท นักเก็งกำไรทางเทคนิคหันหัวกระโจนเข้าใส่อย่างไม่เกรงกลัวปัจจัยพื้นฐานที่มีแววว่าจะยิ่งทรุดตัวลง “โมนิก้า” เห็นแล้วถึงกับเสียวไส้ เพราะมองเป็น “เกมลากไปเชือด” ถึงพยายามให้แมงเม่าคิดให้ดีก่อนเคาะขวานะจะบอกให้
*ด้าน HUMAN กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง มาปิดที่ระดับ 6.30 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81.23 ล้านบาท หลังจากหุ้นเป็นขาลงมานาน แถมเซียนหุ้นการันตีผลงานไตรมาสที่เหลือยังแจ๋ว แถวพรายกระซิบบอกว่าซุ่มเจรจาลูกค้าอีก 4-5 บริษัท รอสรุปผลเร็ว ๆ นี้ ใครที่เป็นแฟนคลับหุ้นตัวตัวนี้คงจะไม่ผิดหวัง เพราะรอบนี้ราคาเป้าหมายสูงถึง 10.90 บาทเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ TIPCO ที่ถูกดันราคาขึ้นมาแรง 2 วันติด จนสัญญาณเทคนิคเข้าเขต “Oversold” ดังนั้นการที่เห็นราคาหุ้นกระโดดขึ้นมาปิดที่ระดับ 9.20 บาท บวก 0.35 บาท หรือบวกไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 88.75 ล้านบาท จึงเป็น 2 ทางเลือกวัดใจให้ลุยกันต่อหรือพอแค่นี้ เพราะก่อนหุ้นจะมีฐานใหม่ต้องแน่ใจว่าฐานเก่าแน่นจริง นาทีนี้จึงน่าตามไปดูติด ๆ …อิอิ
*ปิดท้ายที่ SAMART ที่นาน ๆ จะมีข่าวคราวออกมาให้ได้เห็น อย่างกรณีล่าสุดที่ส่งบริษัทลูกลงนามในสัญญาการค้ากับวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ถือเป็นข่าวดีที่อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งให้ผลประกอบการปีนี้มีกำไร ยิ่งตอกย้ำพื้นฐานไตรมาสแรกที่ทำได้ดีหลังจากขาดทุนมา 2 ปีซ้อน งานนี้เดี๊ยนคิดว่าคงเห็นการ “เทิร์นอะราวด์” ได้ไม่ยาก วานนี้ราคาหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 7.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 7.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58.36 ล้านบาทจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเจ้าค่ะ