จุมพิตของจูดาส

ได้สดับรับฟังเรื่องราวพัลวันพัลเกของการจัดตั้งรัฐบาลที่ยืดเยื้อจนทำให้เส้นทางสู่การต่อยอดอำนาจเผด็จการของทหารแก่บางคนแล้วเต็มไปด้วยความรู้สึกก้ำกึ่ง


พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล

ได้สดับรับฟังเรื่องราวพัลวันพัลเกของการจัดตั้งรัฐบาลที่ยืดเยื้อจนทำให้เส้นทางสู่การต่อยอดอำนาจเผด็จการของทหารแก่บางคนแล้วเต็มไปด้วยความรู้สึกก้ำกึ่ง

ด้านหนึ่งก็เศร้าใจเอนจอนาถกับเกมจุมพิตของจูดาสอีกด้านก็อดมีคำถามว่าเมื่อใดการเมืองไทยจะปลอดจากบรรดาศรีธนญชัยกันเสียที

เกมการต่อรองตั้งรัฐบาลเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการจำแลงนี้ฟังแล้วเป็นมากกว่านิทานน้ำเน่าชั้นเลวหลายเท่า

เล่ากันว่าเดิมทีพรรคร่างทรงทหารไปเจรจาให้พรรคทั้งหลายมาร่วมโดยมีแรงจูงใจว่าหากตั้งรัฐบาลสำเร็จมีลุงตู่เป็นนายกฯ คสช.จะไม่มีสิทธิ์ใช้มาตรา 44 อีกต่อไป เป็นอิสระได้ระดับหนึ่งแถมยังเสนอเก้าอี้ครม. ล่อใจพรรคขนาดกลางอีก

ทีนี้ก็ทำท่าจะราบรื่นเมื่อเกมในสภาวันแรกเลือกประธานสภาบรรลุเป็นที่ปรึกษาใหญ่พรรคแมลงสาบได้นั่งประธานสภาเกิดมีการหักลำจากทหารแก่ เมื่อลุงตู่ส่งสัญญาณว่ากระทรวงที่จอง ๆ ไว้น่ะขึ้นกับลุงตู่จัดการเองคนอื่นไม่มีสิทธิ์

เจอไม้นี้พรรคร่วมโหนเผด็จการก็รู้ว่าถูกหลอกให้ตั้งรัฐบาลจึงเกิดแรงกระเพื่อมใหม่ว่าจะดึงเรื่องเสนอชื่อนายกฯ และพรรคแมลงสาบกับพรรคเสี่ยหนูจะขอเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” แทนพรรคร่วมรัฐบาลผสม

ความหมายของฝ่ายค้านอิสระคือร่วมรัฐบาลก็จริงแต่การจะยกมือในรัฐสภาต้องมี “ต่างตอบแทน” ชัดเจนไม่อย่างนั้น “ขาดกระสุนนิ้วล็อกกดปุ่มไม่เป็น” เท่ากับว่าความไม่แน่นอนของรัฐบาลผสมหมิ่นเหม่และมีต้นทุนสูงขึ้น

เมื่อพรรคขนาดกลางออก “เขี้ยวยาว” ให้เห็นพรรคเล็กๆ  ทั้งหลายก็นกรู้กันใหญ่ออกอาการอยากเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” กันบ้างหรือต่อรองขอเก้าอี้ครม. เพิ่มกันบ้างสุดแท้จะคิดออก

เมื่อคนนอกพรรคร่างทรงเคลื่อนไหวคนในพรรคร่างทรงก็สบช่องบ้าง เกิดเป็นความปั่นป่วนกระทบถึงการจัดตั้งรัฐบาลจนทางลุงป้อมและลุงตู่ออกมาปรามว่าทางทหารมีความเห็นอย่างเด็ดขาดให้มีการสลายขั้วทางการเมืองสลายมุ้งในพรรคให้หมดห้ามต่อรองใดในการตั้งครม.

ความเคลื่อนไหวออกอาการเขี้ยวลากดินอย่างนี้ทำให้ความพยายามสร้างนิยายข่มขู่ของบิ๊กทหารว่าอาจจะมีรัฐประหารบ้างมีการประกาศกฎอัยการศึกบ้างเกิดขึ้นแต่ก็เงียบไปเพราะขู่แล้วไม่ได้ผล

แถมยังมีช่องโหว่ทางกฎหมายย้อนกลับว่าที่ลุงตู่จะใช้อำนาจขอคัดสรร รมต.ร่วมครม. เองทำให้หัวหน้าพรรคร่างทรงเป็นแค่หุ่นเชิดที่ไร้น้ำยากลับไปเข้าข่าย “คนนอกครอบงำพรรค” อีกเป็นดาบสองคม

ผลลัพธ์คือ แผนตั้งรัฐบาลผสมที่วางเอาไว้แม้ไม่ล่มก็เดินหน้าต่อยาก

เกมจุมพิตของจูดาสและพฤติกรรมศรีธนญชัยที่เล่นเกมใต้สะดือกันไปมาจึงยืดเยื้อท่ามกลางคำถามว่าทหารจะลงจากหลังเสืออย่างไรในระยะยาวเพราะเสือตัวโตขึ้นเรื่อย ๆ

การที่แกนนำพรรคร่างทรงเผด็จการทหารยังไม่กล้าประกาศอย่างเต็มคำว่าตนกับพรรคร่วมรัฐบาลได้คะแนนเกินครึ่งแล้วทำให้เกิดคำถามว่าการตั้งรัฐบาลใหม่แม้จะเกิดขึ้นได้แต่คงยากจะมีเสถียรภาพ

ข้อเท็จจริงในนิทานน้ำเน่านี้ทำให้เห็นชัดว่าสภาพพฤติกรรมทางการเมืองที่ซับซ้อนไม่ตรงไปตรงมา คำพูดกับความจริงไม่แน่ว่าตรงกันอันเกิดจากการออกแบบรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีคนอ้างอย่างไร้ยางอายว่าเป็นรัฐธรรมนญูที่ออกแบบมา “เพื่อพวกเรา” หวังสืบทอดอำนาจเผด็จการทหารที่นอกจากคุมความได้เปรียบและสั่งการในทางลับให้องค์กรอิสระทำเรื่องต่าง ๆ ที่ขัดกับหลักการและความคิดของสังคม แต่ผลที่ออกมาก็ยังไม่สามารถเอาชนะอย่างเด็ดขาดในการจัดตั้งรัฐบาลได้

ถือเป็นความอัปลักษณ์อย่างที่สุด

สถานการณ์ที่อำนาจเผด็จการเริ่มควบคุมตัวแปรทางอำนาจยากขึ้นเรื่อยเช่นนี้ยิ่งดำเนินไปเนิ่นนานเท่าใดย่อมทำลายบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นที่แกว่งไกวไซด์เวย์กับความไม่แน่นอนที่ยากคาดเดาทุกขณะ

คำถามคือนิทานน้ำเน่าทางการเมืองเช่นนี้จำสิ้นสุดเมื่อใดและนำไปสู่อะไรจึงไม่สร้างบรรยากาศเชิงบวกเอาเสียเลย

ช่างอึดอัดดีแท้

Back to top button