หัวทองลุย

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้ “โมนิก้า” ขอจั่วหัวแบบล่อเป้าเพื่อบิลต์อารมณ์นักเล่นให้มองไปยังอนาคตข้างหน้าพร้อมกันว่า การวิ่งขึ้นมาปิดของดัชนีที่ระดับ 1,648.46 จุด บวกไป 10.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.42 หมื่นล้านบาท ใช่เครื่องยืนยันการกลับเข้ามาลงทุนเต็มตัวของหัวทองหรือเปล่า ? หลังไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ต่าง ๆ เห็นพ้องไปในทางเดียวกันว่า ความเสี่ยงในการลงทุนเริ่มจำกัด แต่รีเทิร์นในการเล่นรอบเริ่มสูงขึ้นกว่าเดิมไงล่ะค่ะ

*งานนี้ไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อ “โมนิก้า” แบบหัวปักหัวปำไปหมดทุกอย่าง เพราะอยากให้นักเล่นลองนั่งทบทวนข้อมูลเก่า ๆ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีสัญญาณการลงทุนที่ออกไปในทางบวกเยอะขนาดไหน ? หากจำไม่ได้..เดี๊ยนขออนุญาตไล่เรียงตั้งแต่เรื่อง MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย การเมืองในประเทศเริ่มมีความชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้กระทั่งแนวคิดของผู้คนในแวดวงธุรกิจเริ่มมองเศรษฐกิจดีขึ้น มันใช่ตัวแปรหลักที่ทำให้แรงซื้อไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยไหมเอ่ย ?

*ประเด็นดังกล่าวคือ ข้อมูลที่พยายามบอกกับแฟนคลับให้เข้าใจรูปแบบการเล่นเที่ยวนี้ มันมาจากพื้นฐานความเชื่อทุกอย่างจะดีขึ้นในไม่ช้า จึงไม่ต้องแปลกใจที่ดัชนีเริ่มวิ่งนำข่าวจริงที่จะปรากฏอีกใน 3 เดือนข้างหน้า และเหตุผลดังกล่าวได้กลายเป็นแรงผลักดันให้หุ้นบลูชิพกลับขึ้นมาผงาดในกระดาน most active อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นช็อตที่นักเล่นต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อย ๆ นะจ๊ะ

*หากยังไม่เข้าใจรูปแบบการเล่นดังกล่าว “โมนิก้า” ขอนำทฤษฎีการลงทุนง่าย ๆ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง ซึ่งใจความสำคัญของสูตรดังกล่าวที่ถ่ายทอดกันมาจากยุคสู่ยุคคือ “แบงก์ ไฟแนนซ์ สื่อสาร พลังงาน อสังหาฯ” คือกลุ่มหุ้นที่เป็นตัวเลือกแรกที่หัวทองชอบเข้ามาลุยเป็นประจำ และการลุยซื้อแต่ละครั้งจะเริ่มจากหัวกะทิของหุ้นในแต่ละกลุ่ม เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับลองไปสำรวจรายชื่อหุ้นตัวดังกล่าวกันเอาเองนะคะ

*สำหรับรายที่เห็นกันชัด ๆ ในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอมองไปยังมวยรองอย่างแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB ก่อนใครเพื่อน เพราะมีรูปแบบการเคลื่อนตัวที่สอดรับกับการเข้ามาซื้อของฝรั่งหัวทอง บวกกับแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เดี๊ยนถึงมองการวิ่งของหุ้นน่าจะมีแก๊ปเยอะ ผสานกับหุ้นมีแนวโน้มขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 134 บาทได้ในไม่ช้า จึงอยากให้แฟนคลับดูกันว่า การขึ้นมาปิดที่ 132.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.82 พันล้านบาท น่าไหลตามน้ำจริงไหม ?

*ส่วนหุ้นไฟแนนซ์อีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” แอบชื่นชมอยู่ข้างหลังเป็นเวลานาน คงต้องมองไปที่หุ้น SAWAD เป็นรายถัดไปในทันที และเหตุผลที่ชอบหุ้นตัวนี้เป็นพิเศษมาจากการเติบโตเป็นไปตามแผน (คุณน้องธิดาเก่ง) จึงเชื่อได้ว่า ราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นไปยืนเหนือ 60 บาทได้เหมือนกัน ผสานกับการขึ้นมายืนปิดที่ 52.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 785 ล้านบาท  พร้อมกับทำ new high ในรอบ 1 ปี มันมีนัยไม่ใช่น้อยนะจ๊ะ

*สำหรับหุ้นสื่อสารที่ครองตำแหน่งดาวเด่นมาตั้งแต่โบราณกาล “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปยัง ADVANC เพื่อตอกย้ำความน่าสนใจของหุ้นตัวนี้ให้ทุกคนได้เห็นอีกครั้งว่า การขึ้นมายืนปิดที่ 195 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไปเพียง 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 933 ล้านบาท ยังมีช่องให้หุ้นขยับขึ้นอีกบานตะไท เพราะราคาที่เห็นวันนี้เขาเทรดบน P/E 10 เท่านั้น แต่ถ้ามองบนพี/อีเท่ากับตลาดบริเวณ 15 เท่า หุ้นจะไปได้ไกลอีกโขเลยเจ้าค่ะ

*ทางด้านหุ้นพลังงานก็มีตัวเลือกเยอะมากเหลือเกิน แต่ที่เดี๊ยนสนใจมากสุดคงต้องยกให้ EA เพราะสถิติย้อนหลังชี้ชัดลงไปว่า “เฮียสมโภชน์” กับ “เฮียอมร” มีแผนปั๊มกำไรให้โตได้ทุกปี บวกกับปีหน้าจะเป็นบิ๊กเชนจ์ของบริษัทพลังงานทางเลือกแห่งนี้ “โมนิก้า” ถึงมองการปิดเสมอตัวที่บริเวณ 54.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 998 ล้านบาท ยังเป็นจังหวะของการทยอยสะสมหุ้นของฝรั่งหัวทองนะจะบอกให้

*ส่วนอสังหาฯ อาจไม่โดดเด่นเหมือนสองสามปีก่อนหน้านี้ แต่อย่างน้อยก็มีหุ้นบางตัวที่แก้เกมด้วยการตรึงเงินปันผล เพื่อสร้างเสน่ห์ให้กับตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม และในจังหวะนี้ต้องมองไปยัง SPALI ก่อนใครเพื่อนอีกเช่นกัน เพราะเมื่อย้อนดู yield ในแต่ละปีอยู่ที่ระดับ 4% บวกกับฐานหุ้นที่กูรูส่วนใหญ่มองไว้ควรอยู่แถว 25 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 23 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 170 ล้านบาท เท่ากับเป็นการชี้ชัดลงไปว่า มีคนเข้ามาเก็บหุ้นแล้วนะจ๊ะ

*ป.ล.วานนี้บรรดาฝรั่งหัวทองกระโดดเข้ามากว้านซื้อหุ้นใส่พอร์ตไปมากถึง 4.78 พันล้านบาท มันเป็นการส่งสัญญาณอะไรให้รู้บ้าง ? ลองไปคิดเป็นการบ้านดูนะ..หากคิดไม่ออก เดี๋ยวครูโมจะทำการเฉลยให้ในวันหน้า..อิอิอิ