1,650 จุดสร้างฐาน
*หากนับเวลาตั้งแต่ต้นปี 62 จะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยทำท่า “ยงโย่ยงหยก” บริเวณ 1,650 จุดมาทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งแต่ละครั้งก็เดินหน้าขึ้นไปจากจุดดังกล่าวไม่ไกลสักที ก่อนจะลงเอยด้วยการม้วนหางลงมาต่ำกว่าระดับดังกล่าว มันทำให้ทฤษฎีการสร้างฐานบริเวณดังกล่าวมีน้ำหนักมากขึ้น และจะยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีกขั้นเมื่อดัชนีสามารถขึ้นไปยืนเหนือบริเวณดังกล่าวจริง ๆ เสียทีนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากนับเวลาตั้งแต่ต้นปี 62 จะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยทำท่า “ยงโย่ยงหยก” บริเวณ 1,650 จุดมาทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งแต่ละครั้งก็เดินหน้าขึ้นไปจากจุดดังกล่าวไม่ไกลสักที ก่อนจะลงเอยด้วยการม้วนหางลงมาต่ำกว่าระดับดังกล่าว มันทำให้ทฤษฎีการสร้างฐานบริเวณดังกล่าวมีน้ำหนักมากขึ้น และจะยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีกขั้นเมื่อดัชนีสามารถขึ้นไปยืนเหนือบริเวณดังกล่าวจริง ๆ เสียทีนะจะบอกให้
*นอกจากนี้หากเจาะลึกลงไปในรายละเอียดจะเห็นว่า เที่ยวนี้เป็นรอบที่ 4 ที่ดัชนีขึ้นมาป้วนเปี้ยนบริเวณดังกล่าว ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,653.41 จุด บวกไป 4.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.98 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถึงมองการเล่นเที่ยวนี้เป็นความท้าทายสำหรับพวกสิงห์ปืนไวโดยเฉพาะ แถมวงรอบก่อน ๆ เคยวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 1,680 จุดมาแล้วเสียด้วย จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ หากรอบนี้จะเกิดเหตุการณ์ในทำนองดังกล่าวอีกครั้งนะจ๊ะ
*วันนี้ถึงต้องยิงคำถามต่อบรรดานักเล่นทั้งหลายว่า มีปัจจัยไหนที่สร้างความกังวลให้กับผู้เล่นแกนหลักบ้างไหม ? รวมทั้งตลาดหุ้นไทยซึมซับรับข่าวร้ายไปหมดแล้วหรือยัง ? และที่ขาดไม่ได้ในเที่ยวนี้คงเป็นเรื่องการเมืองเข้ารูปเข้ารอยแล้วหรือเปล่า ? “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องทั้งหมดเป็นตัวแปรที่ส่งผลโดยตรงกับการทะยานขึ้นของดัชนี จึงอยากให้นักเล่นมองการเล่นเที่ยวนี้ไปทีละสเต็ปนะจะบอกให้
*เหมือนกับการไล่ราคาหุ้น AMATA จนขึ้นมาปิดที่ระดับ 23.30 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 พันล้านบาท พร้อมกับเป็นการขึ้นมาติด 1 ใน 5 ของหุ้นบนกระดาน most active ในช่วงภาคเช้า “โมนิก้า” รู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นเกมเก็งกำไรล่วงหน้าก่อนข่าวจริง ! ซึ่งที่ผ่านมาก็พบกับความผิดหวังมาตลอด (กำไรไม่มา) จึงอยากให้แฟนคลับพึงสังวรณ์ไว้ว่า อย่ามองอะไรที่ไกลเกินตัวเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ CK มีกูรูตีแวลูของหุ้นไว้ที่ระดับ 30 บาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดบริเวณ 28.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท เพราะมองในมุมของ P/BV ก็เป็นระดับที่ยอมรับได้ หรือมองในมุมของ P/E ก็เป็นระดับที่เล่นต่อได้ จึงกลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องหาจังหวะโหนกระแสให้ดี เพราะเที่ยวก่อน “ถึงเป้าปุ๊บ หุ้นลงปั๊บ” นะซี
*สำหรับในรายของ KTC พยายามตั้งลำขึ้นรอบใหม่ด้วยวอลุ่มที่แน่นเอี้ยด ย่อมเป็นช็อตที่ดึงดูดใจให้แมงเม่ากระโจนไล่ตามแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า หุ้นตัวนี้คือ growth stock แวลูของหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปีแบบอัตโนมัติ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 43.25 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time high ไปในตัวแบบนี้ เดี๊ยนคงไม่ต้องสาธยายอะไรอีกแล้วกระมั้ง !
*ผิดกับในรายของ VGI ใช้ความพยายามในการเปลี่ยนฐานราคาให้สูงกว่าเดิมมาระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จเหมือนที่ตั้งใจไว้แต่แรก หุ้นถึงไหลรูดลงจากระดับ 10 บาท ลงมายืนตั้งฐานที่บริเวณ 8.70 บาทมาระยะหนึ่ง ก่อนจะมีมือดีเข้ามาดันหุ้นพรวดเดียวขึ้นมาปิดที่ 9.40 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ไม่ยั่งยืนสำหรับหุ้นที่เทรดบนค่า P/E 70 เท่านะตัวเอง
*ในมุมกลับกัน หากมองไปยังหุ้นที่เทรดในระดับที่ต่ำเรียดดินอย่างหุ้น NER ย่อมเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” สนใจหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.42 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90 ล้านบาท มันเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 7 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับเหมาะสมค่อนข้างเยอะ เดี๊ยนถึงมองหุ้นตัวนี้น่าลงทุนสุด ๆ ในมุมของหุ้นที่มีการเติบโตนะจะบอกให้
*เช่นเดียวกับในรายของโรงเรียนของหนู SISB ทะยานขึ้นมาปิดที่ 7.45 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นที่เซฟตี้สุดในแง่ของรายได้ที่สม่ำเสมอ เพราะมีนักเรียนใหม่เข้ามาเพิ่มทุกปี จึงไม่ต้องกังวลกับภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ! ผนวกกับทุกคนรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า แวลูของหุ้นจะเพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ เลยเป็นจังหวะของการทยอยเก็บหุ้นใส่พอร์ตเจ้าค่ะ
*สำหรับหุ้นที่เริ่มฟื้นตัวรอบใหม่อย่าง ORI ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ ในสายตาคนเล่นรอบ เพราะเมื่อมองดูจากผลงานที่ยังทำได้ค่อนข้างดี ผสานกับแนวความคิดที่ไม่หยุดนิ่งของ “เฮียโด่ง” จึงทำให้เชื่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีอะไรแจ่ม ๆ ให้ได้ยลโฉมกันอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงมองการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.55 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาทเป็นจังหวะของการ follow buy นะจ๊ะ
*ก่อนจากกันขอทิ้งท้ายที่หุ้นรีซูมเทรดอย่างเช่น AI กับ AIE สักหน่อยดีกว่า เพราะเขาว่ากันว่า การกลับมาครั้งนี้มีพื้นฐานที่แน่นเปรี๊ยะกว่าเดิม แถมมีสตอรี่ดี ๆ ยาวเหยียดถึงต้นปีหน้าเสียด้วยแบบนี้ !..วันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. ห้ามกะพริบตานะจะบอกให้