เริ่มรัฐบาลก็ต่ำสุด

รัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่มาในคราบ “รัฐบาลจากเลือกตั้ง” แค่เริ่มต้นก็อยู่ในจุดต่ำสุด จากปัญหาความชอบธรรม


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

รัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่มาในคราบ “รัฐบาลจากเลือกตั้ง” แค่เริ่มต้นก็อยู่ในจุดต่ำสุด จากปัญหาความชอบธรรม

500 เสียงที่โหวตประยุทธ์เป็นนายกฯ มาจาก ส.ว.249 ส.ส.251 แม้อ้างว่านับเฉพาะ ส.ส.ก็ชนะ แต่ก็รู้กันอยู่ว่า ถ้าไม่มีกติกาตั้ง ส.ว.มาโหวตให้ตัวเอง ก็คงไม่สามารถโน้มน้าวให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยตระบัดสัญญาประชาคม

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไม่มีสูตรทศนิยมมนุษย์ 7 พรรคก็จะได้ 253 เสียง ไม่ใช่แค่ 246 ประยุทธ์ก็จะเป็นได้แค่รัฐบาลเสียงข้างน้อย ยกเว้นมีงูเห่า

ผลโหวตจึงสร้างความโกรธให้ประชาชน ไม่เฉพาะ 16.5 ล้านคนที่เลือก 7 พรรค หากยังมีคนส่วนหนึ่งใน 3.9 และ 3.7 ล้านที่เลือกประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ซึ่งไม่คิดว่าตัวเองเลือกประยุทธ์ แม้บางคนอาจหยวนยอม ดีใจที่พรรคได้ร่วมรัฐบาล แต่บางคนก็ไม่พอใจ ไม่ถูกใจ ขณะที่คนเลือกประยุทธ์โดยตรงมี 8.9 ล้านคนเท่านั้น (แต่เสียงดังคับประเทศ)

นี่คือที่มาไม่ชอบธรรม รัฐประหารปล้นอำนาจ ร่างรัฐธรรมนูญเอง บีบให้ประชาชนลงประชามติรับ แบบจำยอม แล้วตีขลุมว่าเป็นกติกา ตั้ง กกต.กันเอง ตั้ง 250 ส.ว.พวกตัวเอง แล้วเอามาเป็นฐานตั้งนายกฯ บีบให้พรรคต่างๆ จำยอมเข้าร่วม แล้วตีขลุมว่ามีเสียงข้างมากจากเลือกตั้ง

นี่ไม่ต่างจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งตั้งขึ้นจากการยุบพรรคพลังประชาชน แล้วชิงตัว ส.ส.กลุ่มเนวิน ทั้งที่ฐานมวลชนอยู่อีกข้าง แต่แรงต้านครั้งนี้กว้างขวางหลากหลายกว่า

รัฐบาลไม่ได้เสียงจากประชาชนข้างมาก แต่มีเสาค้ำจากชนชั้นนำภาครัฐ ที่กุมอำนาจปืน อำนาจกฎหมาย รัฐราชการ ทหาร องค์กรอิสระ ส.ว.แต่งตั้ง รวมทั้งกลุ่มทุนใหญ่ จะเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย อย่างแหลมคมกว่าช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาล การต่อรองระหว่างพรรคร่วม แย่งชิงโควตากระทรวง ก็สร้างความเสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนหมดศรัทธา มองว่าหวังผลประโยชน์กันทั้งนั้น กระทั่งบางคนสะใจ ยุให้พรรคพลังประชารัฐเรียกคืนกระทรวงสำคัญ จะได้สมน้ำหน้า ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย

ผลโพลก็ชัดเจน นิด้าโพล แม้รู้กันว่านิยมข้างไหน ยังมีคนดีใจที่ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพียง 26% อีก 25% เฉย ๆ 24% ผิดหวัง ดุสิตโพล 63% และ 58% ผิดหวังกับประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดย 73% เชื่อว่ารัฐบาลอยู่ไม่ครบวาระ

ซึ่งแน่ละ ใครก็เห็น พรรคร่วมรัฐบาลตั้งอยู่บนฐานการเมืองที่ขัดแย้งกันเอง ปชป.สูญพันธ์ใน กทม. เพราะมวลชนสุดโต่งหันไปเลือก พปชร. แถมถูกเจาะฐานเสียงภาคใต้โดย พปชร. ภท. (ยังมีเรื่องร้องกันอยู่ที่พัทลุง)

แต่ขณะเดียวกันก็มีจุดร่วม ที่หวังว่าจะธนาธรจะถูกศาลตัดสิทธิ อนาคตใหม่ถูกยุบพรรค ตระกูลชินวัตรถูกบดขยี้ พรรคเพื่อไทยอ่อนแรงลง ฯลฯ ทั้งยังต้องการช่วงเวลาสะสม “กระสุน” ไม่มีใครต้องการให้ยุบสภาในช่วงใกล้ๆ เพราะมีโอกาสแพ้ฝ่ายประชาธิปไตย

รัฐบาลที่เริ่มต้นจากจุดต่ำสุด จึงน่าจะสมประโยชน์ในการลากถูให้ได้อย่างน้อย 2 ปี แต่จะสมหวังหรือไม่ การเริ่มต้นจากจุดต่ำสุด ไม่ได้แปลว่าจากนี้มีแต่ดีขึ้น เพราะมีอะไรกระเพื่อม มีเหตุไม่คาดคิด เกิดจุดเสื่อม ก็อาจต่ำตมลงไปอีก แต่ยังต้องดันทุรัง ทั้งที่ไม่มี ม.44 คราวนี้จะมี ส.ส. ส.ว. เช่น ไพบูลย์ ปารีณา หมอพรทิพย์ เสรี ออกมาปกป้องแทน

ใครที่หวังว่าการเมืองนิ่ง ไม่มีทาง จะร้อนแรงตั้งแต่แรก แบบไม่มีเวลาฮันนีมูนด้วยซ้ำ

Back to top button