หุ้น(เคย)มีตำหนิ

พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล

เมื่อวานนี้หุ้นแม่-ลูกที่ทำธุรกิจต่างกันมีรหัส AI-AIE กลับมาเทรดวันแรกหลังพ้นเหตุเพิกถอนหุ้นด้วยมูลค่าซื้อขายแผ่วเบาเกินคาด

จะมองว่าน่าผิดหวังหรือเป็นเรื่องปกติย่อมได้ทั้งสิ้นขึ้นกับมุมมองของนักลงทุนเพราะว่าไปแล้วหุ้นที่เคยพักการซื้อขายไปยาวนานเนื่องจากปัญหาภายในองค์กรถือว่าเป็นหุ้นที่เคยมีตำหนิแต่ชะตากรรมของหุ้นที่กลับมาเทรดใหม่จะเป็นเช่นไรไม่เคยมีสูตรสำเร็จเพราะขึ้นกับหลายปัจจัย

สำหรับนักลงทุนที่เคยผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนหุ้นที่กลับมาเทรดรอบใหม่หรือ to resume trading จะมีชะตากรรมเช่นไรขึ้นกับเหตุปัจจัยหลักต่อไปนี้

– งบการเงินดีมากน้อยแค่ไหนหรือเรียกง่ายๆ ว่าสะอาดแค่ไหน

– โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปลี่ยนไปแค่ไหน

– ผู้บริหารใหม่หรือเก่าเป็นใครและอย่างไร

– โมเดลธุรกิจแผนธุรกิจหรือชนิดของธุรกิจเปลี่ยนจากเดิมแค่ไหน

–จำนวนหุ้นและความสามารถทำกำไรต่อหุ้นในอนาคต

สำหรับหุ้นแม่-ลูกที่กลับมาเทรดครั้งที่สองวานนี้มีรายละเอียดที่นักลงทุนต้องสนใจตรงที่ว่าชะตากรรมของทั้งคู่ยังคงฝากไว้กับธุรกิจเดิมที่เคยทำให้มีปัญหาทางการเงินรุนแรงหลายปีก่อนต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก

เอเชียน อินซูเลเตอร์ หรือ AI มีธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการไฟฟ้าและพลังงานมีลูกค้าสำคัญเป็นรัฐวิสาหกิจในประเทศได้แก่กฟภ. กฟผ. และกฟน. และมีส่วนแบ่งตลาด 55% โดยรายได้รองลงไปคือธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าในขณะที่เหลือซึ่งมีส่วนชี้ชะตากรรมสำคัญคือมีฐานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งรับรู้รายได้จากผลประกอบการของบริษัทลูกที่ทำธุรกิจน้ำมันปาล์ม (ถือหุ้น AIE 61.77% )

การผูกติดธุรกิจเข้ากับรับวิสาหกิจด้านไฟฟ้าในประเทศแม้จะเติบโตได้เรื่อยแต่ความสามารถทำกำไรถือว่าเปราะบางตลอดเพราะธุรกิจจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้ายังคงเติบโตต่อเนื่องตามมูลค่างานที่ต้องส่งมอบแต่การที่ต้องแบกภาระจากการถือครองหุ้นในบริษัทลูกอย่างเอไอ เอนเนอร์จี หรือ AIE ทำให้ถ่วงรั้งอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

ส่วน AIE เป็นผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโรงงานหลักสกัดน้ำมันปาล์มดิบบางส่วนมีรายได้เสริมจากธุรกิจโรงงานรีไฟน์น้ำมันสำเร็จรูปผลประกอบการที่ผ่านมามีการขาดทุนต่อเนื่องและสร้างปัญหาทางการเงินให้ทั้งกลุ่มรุนแรงกลับมาเทรดรอบนี้ยังมีตัวเลขขาดทุนสุทธิและขาดทุนสะสมให้เป็นตำหนิต่อไปแม้จะพยายามบอกว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวดีขึ้นจากราคาน้ำมันปาล์มที่เริ่มกลับทิศเป็นขาขึ้นเนื่องจากมาตรการใช้น้ำมัน B10 จะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นและช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้บริษัทฯ มีแผนเดินเครื่องเชิงพาณิชย์สำหรับโรงกลั่น Glycerine ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรขั้นต้นจากเดิมอีกราว 5%

ตอนที่ถูกพักการซื้อขายราคาหุ้นแม่ปิดตลาดครั้งสุดท้ายวันที่15 พฤษภาคม 2558 ที่ระดับ1.52 บาทขณะที่ราคาปิดของลูกครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 0.67 บาท

การกลับมาเทรดใหม่วานนี้ AI เปิดที่ราคา 1.30 บาทและปรับตัวขึ้นแตะสูงสุดที่ 1.41 บาทและต่ำสุด 1.29 บาทล่าสุดปิดตลาดที่ 1.30 บาท

ทางด้าน AIE เปิดที่ราคา 0.40 บาทซึ่งเป็นราคาต่ำสุดหลังจากพุ่งไปแตะ 0.48 บาทและล่าสุดปิดตลาดที่ราคา0.68 บาท

การกลับมาเทรดอย่างไม่คึกคักแม้ว่าราคาหุ้น AIE จะทำได้ดีในช่วงบ่ายวานนี้สะท้อนว่าอารมณ์ของนักลงทุนต่อหุ้นแม่-ลูกยังก้ำกึ่งกันซึ่งนักลงทุนที่ดูงบการเงินเก่งหรือพอถอดรหัสออกได้บ้างจะยังคงเห็นข้อตำหนิได้ไม่ยาก

การผูกติดกันมากเกินขนาดของแม่-ลูกคู่นี้ที่แม่ถือหุ้นลูกเกินกว่า 50% หากเป็นกรณีที่ลูกมีลักษณะเป็น “วัวที่ให้น้ำนมเป็นทองคำ” ไม่น่าจะมีคำถามน่าสงสัยเกิดขึ้น

กรณีบริษัทกึ่งโฮลดิ้งอย่าง INTUCH หรือ SCC หรือ PTT เป็นกรณีศึกษาเชิงบวกที่ชัดเจน

โชคร้ายที่โครงสร้างและโมเดลธุรกิจของ AIE นั้นอยู่ในธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งมีความสามารถทำกำไรเปราะบางและในการกลับมาเทรดใหม่ยังมีตัวเลขขาดทุนสะสมติดปนเปื้อนมาด้วยทำให้ความหวังจะจ่ายปันผลริบหรี่มากส่งผลถ่วงรั้ง AI โดยปริยาย

ลูกที่ถ่วงรั้งและบั่นทอนความเติบโตของแม่คือลูกล้างผลาญฉันใดโอกาสที่ราคาหุ้นของ AI-AIE จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งจึงเป็นมากกว่า “ซิสซิฟัสเข็นก้อนหินขึ้นภู” ในตำนานกรีกโบราณหลายเท่า

เว้นเสียแต่ว่าบริษัทลูกอย่าง AIE จะกลับมาสร้างปาฏิหาริย์ได้ชนิดเหนือความคาดหมายที่มิใช่กำไรพิเศษครั้งคราวบางไตรมาสแล้วทำให้อัตรากำไรสุทธิเลิกติดลบกลับมาบวกต่อเนื่อง

ลำพังการเพิ่มทุนและลดหนี้แต่ยังไม่ได้ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจนสามารถมีกำไรสะสมเป็นบวกสามารถจ่ายปันผลงามพ้นสภาพหุ้นเคยมีและมีตำหนิราคาหุ้นทั้งแม่ลูกมีแต่จะต่ำเตี้ยไปอย่างนี้

บทเรียนจากหุ้นเคยมีตำหนิในอดีตที่มีทั้งบวกและลบหลังกลับมาเทรดรอบใหม่ขึ้นกับเงื่อนไขผลประกอบการในอนาคตเป็นสำคัญมิได้ขึ้นกับใครเป็นที่ปรึกษาการเงิน