พาราสาวะถี
ในเมื่อการเมืองไม่ได้ปฏิรูปอย่างที่โพนทะนา จึงไม่แปลกที่จะเกิดภาพส.ส.อีสาน และ 13 ส.ส.ภาคใต้ในนามกลุ่มด้ามขวานไทย ของพรรคสืบทอดอำนาจ จะลุกขึ้นมาโหวกเหวกโวยวายถามหาเก้าอี้รัฐมนตรี ในฐานะขุนศึกที่ไปออกรบแล้วนำชัยชนะกลับมาสู่ต้นสังกัด แต่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่บอก เรื่องนี้คงไม่ถึงขั้นแตกหัก เอาเป็นเอาตาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับปัจจัย เมื่อมีสิ่งอื่นมาแลกเปลี่ยนแม้จะไม่เท่ห์เท่าเก้าอี้เสนาบดีแต่ก็คุ้มค่า ถูกใจ
อรชุน
ในเมื่อการเมืองไม่ได้ปฏิรูปอย่างที่โพนทะนา จึงไม่แปลกที่จะเกิดภาพส.ส.อีสาน และ 13 ส.ส.ภาคใต้ในนามกลุ่มด้ามขวานไทย ของพรรคสืบทอดอำนาจ จะลุกขึ้นมาโหวกเหวกโวยวายถามหาเก้าอี้รัฐมนตรี ในฐานะขุนศึกที่ไปออกรบแล้วนำชัยชนะกลับมาสู่ต้นสังกัด แต่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่บอก เรื่องนี้คงไม่ถึงขั้นแตกหัก เอาเป็นเอาตาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับปัจจัย เมื่อมีสิ่งอื่นมาแลกเปลี่ยนแม้จะไม่เท่ห์เท่าเก้าอี้เสนาบดีแต่ก็คุ้มค่า ถูกใจ
ว่าแล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมอบหมายให้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะมือประสานสิบทิศของพรรคสืบทอดอำนาจไปเคลียร์ใจกับสองกลุ่มก๊วนดังกล่าว เป็นไปตามสูตร เชื่อมั่นในตัวท่านผู้นำ สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ต่อเต็มที่ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการบริหารจัดการภายในพรรค เมื่อทุกอย่างเคลียร์ (ปัจจัย) ใจกันแล้วก็ถือว่าจบ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันต่อไป
ขณะที่ปัญหารายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกส่งให้นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจพิจารณา ที่ทำท่าว่าจะติดขัด ถ้าพรรคต้นทางยืนยันคงยากที่จะเปลี่ยนเป็นอื่น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากประชาธิปัตย์ย้ำว่าไม่มีการตีกลับชื่อของ นิพนธ์ บุญญามณี และ สาธิต ปิตุเตชะ ถ้าไม่มีสัญญาณเป็นอย่างอื่นก็แสดงว่าไร้ปัญหา ไม่ต่างอะไรจากพรรคภูมิใจไทยที่แม้จะคนละเงื่อนไขกับพรรคเก่าแก่ แต่เพื่อความเป็นเอกภาพภายในของพรรคร่วมรัฐบาล คนต่างพรรคก็อย่าไปแหยม
เช่นเดียวกับชาติไทยพัฒนา ประสานเสียงกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ นิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค ย้ำเก้าอี้นี้เป็นโควตาของพรรคมาตั้งแต่ต้น รวมถึงรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ ดังนั้น เสียงทักท้วงของคนพรรคอื่น จึงเป็นเรื่องที่พรรคแกนนำต้องไปว่ากันเอง โดยมารยาททางการเมืองสิ่งไหนที่ได้ตกปากรับคำกันไว้แล้วก็ไม่ควรจะมีอะไรมาแปรเปลี่ยน
ต้องยอมรับความเป็นจริงกันว่า ในภาวะที่ท่านผู้นำต้องสร้างภาพของความใสสะอาดและการจับมือกันเพื่อสืบทอดอำนาจโดยอ้างนำพาประเทศเดินไปข้างหน้านั้น ทุกอย่างมันควรออกมาราบรื่นเรียบร้อย แต่นี่มีปัญหาทั้งภายในพรรคตัวเองและกระทบชิ่งไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่น จึงเป็นธรรมดาที่ผู้นำเผด็จการจะปวดหัวมากเพราะภาพออกไปดูไม่ดีอย่างที่คุณแหล่งข่าวว่า แต่ดันทุรังกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรต้องคิดมาก
แต่ก็อีกนั่นแหละ จะไม่ให้คิดอะไรได้ยังไง เพราะถนนที่จะเดินจากนี้ไปตัวช่วยที่เคยมีทั้งกฎหมายพิเศษและมาตรายาวิเศษไม่เหลืออะไรให้ใช้เป็นเครื่องมือในการกำราบพวกเห็นต่างและพวกชอบวิพากษ์วิจารณ์กันอีกแล้ว ยิ่งตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา ผลงานชิ้นโบว์แดงนอกจากบัตรคนจนที่ตกเป็นขี้ปากแล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
การปฏิรูปไม่ว่าด้านไหนไร้ซึ่งความก้าวหน้า ที่เห็น ๆ เช่น การปฏิรูปตำรวจ การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 เรื่องสำคัญคือ การปฏิรูปการเมืองและการป้องกันการขัดกันของผลประโยชน์ เป็นที่ประจักษ์ว่า หาได้มีอะไรเป็นไปอย่างที่ขายฝันไว้ไม่ การเมืองถ้าบอกว่าเปลี่ยนแปลงก็เป็นการแปรเปลี่ยนที่ไม่ได้เดินไปข้างหน้า หากแต่ได้ถอยหลังย้อนกลับไปเป็นภาพการเมืองน้ำเน่าเหมือนในอดีต 30-40 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่เรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ ผลพวงจากการสรรหาส.ว.เอื้อพวกพ้องเห็นกันอยู่ว่าเข้าทำนองปากว่าตาขยิบชัดเจน คงอย่างที่ พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กล่าสุด วิพากษ์ไปยังผู้นำสืบทอดอำนาจ โดยภาพลักษณ์เป็นคนรักครอบครัว ไม่มีเรื่องอื้อฉาวส่วนตัวและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงานใด ๆ ดูราวกับว่าเป็นที่ซื่อสัตย์และยึดหลักธรรมาภิบาล ทว่าพอเห็นการตั้งกรรมการสรรหาส.ว. และชื่อผู้เป็นส.ว.แล้วคงต้องคิดกันใหม่
ไม่เพียงเท่านั้น หากพิจารณาไปถึงพฤติกรรมผ่อนปรนต่อคนใกล้ตัว ทั้งเครือญาติและพวกพ้อง แต่เข้มงวดและเด็ดขาดกับผู้อื่นที่ไม่คุ้นเคย คนจำนวนไม่น้อยอาจต้องทบทวนความคิด และเปลี่ยนมุมมองต่อนายกฯ คนนี้ก็ได้ ส่วนผลงานจากการปฏิบัติหน้าที่มากว่า 5 ปี กลับทำงานได้เพียงเล็กน้อย ไม่คุ้มค่า ไม่สมราคาคุย เพียงบรรเทาปัญหาง่าย ๆ ได้เฉพาะเรื่อง เฉพาะจุดและเฉพาะหน้าเท่านั้น ในทางกลับกันปัญหาที่ยาก ซับซ้อนและมีผลกระทบต่อพรรคพวกเพื่อนพ้องและกลุ่มนายทุนนักธุรกิจผูดขาดที่ใกล้ชิดกลับแก้ไม่ได้
สิ่งที่น่าสนใจคงเป็นการวิจารณ์รัฐมนตรีรายตัวที่จะได้กลับมาร่วมงานกับรัฐบาลประยุทธ์ 2/1 อีกกระทอก ไล่เรียงตั้งแต่ คนบางคนที่ความทรงจำของผู้คนในสังคมมีนั้นคือการยืมนาฬิกาเพื่อน ส่วนผลงานด้านความมั่นคงหากไม่ใช่กฎหมายพิเศษและการกดทับด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่รู้ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมขนาดไหน เช่นเดียวกับการไปกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การย้ายเด็กในคาถาไปตบยุงในเก้าอี้ข้าราชการพลเรือนคงสะท้อนอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี
ส่วนคนที่ดูแลด้านกฎหมายก็สร้างความสับสนและบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์แก่ระบบกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลของบ้านเมือง จนแทบหาบรรทัดฐานให้ยึดถือไม่ได้ ความทรงจำของสังคมต่อคนผู้นี้คือเนติบริกร ซึ่งรับใช้ผู้มีอำนาจไม่เลือกหน้านั่นเอง ไม่ต่างจากผู้ที่กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ใช้การตลาดนำและออกนโยบายเกื้อหนุนต่อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ขณะที่ให้ความใส่ใจน้อยกับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง และแทบไม่สนใจกับเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานแม้แต่น้อย
สิ่งที่ตามมาคือ ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรุนแรงของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ หนี้สินครัวเรือนของประชาชนทะยานสูงลิ่ว และรายได้ของชาวบ้านและเกษตรกรดิ่งลงเหว นี่แค่พอสังเขป เลยทำให้นึกภาพต่อไปไม่ได้ว่าแล้วรัฐบาลผสม 19 พรรคที่เสียงปริ่มน้ำ และเกิดภาพต่อรองกันอุตลุด จะเดินกันเป็นเอกภาพและสร้างผลงานให้เลื่องลือกันได้อย่างไร รอดูโฉมหน้าและผลงานกันต่อไป ดูซิว่าประชาชีอย่างเราจะอดทนกันได้อีกกี่น้ำ