AOT พระเอก
*วานนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปที่หุ้น AOT มากกว่าหุ้นตัวอื่น เพราะเป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่กระชากขึ้นอย่างร้อนแรง พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่คิดเป็น 1 ใน 5 ของการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหุ้น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และทำให้เดี๊ยนรู้ได้ด้วยตนเองว่า นักเล่นกลุ่มสถาบันชื่นชอบหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ ถึงทุ่มทุนไล่กว้านซื้อหุ้นแบบสุดซอยไงล่ะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วานนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปที่หุ้น AOT มากกว่าหุ้นตัวอื่น เพราะเป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่กระชากขึ้นอย่างร้อนแรง พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่คิดเป็น 1 ใน 5 ของการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหุ้น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และทำให้เดี๊ยนรู้ได้ด้วยตนเองว่า นักเล่นกลุ่มสถาบันชื่นชอบหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ ถึงทุ่มทุนไล่กว้านซื้อหุ้นแบบสุดซอยไงล่ะค่ะ
*ผลดังกล่าวทำให้ดัชนีกระชากขึ้นพรวดเดียวทะลุแนวต้าน 1,700 จุดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,705.98 จุด บวกไป 22.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 1.07 แสนล้านบาท โดยการขึ้นดังกล่าวมาจากอิทธิพลของหุ้นลูกอ๊อดมากถึง 7.93 จุด และมาจากมูลค่าการซื้อขายของหุ้นตัวนี้มากถึง 2.31 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนถือเป็นโมเมนตัมที่ชวนให้ฟินสุด ๆ นะจะบอกให้
*นอกจากนี้เมื่อดูจากยอดซื้อสุทธิของพวกกองทุนตัวจี๊ดทุ่มเงินซื้อหุ้นสูงถึง 9.34 พันล้านบาท ผสานกับพร็อพเทรดสอยหุ้นเข้าพอร์ตอีก 2.37 พันล้านบาท และบวกกับฝรั่งหัวทองทยอยเก็บหุ้นอีกเป็นจำนวน 1.80 พันล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมเกิดความคาดหวังว่า ดัชนีจะเดินหน้าขึ้นไปอีกแบบชิว ๆ และมองการกระโจนเข้าใส่แบบ follow buy กลายเป็นเรื่องที่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่งนะคะ
*เหมือนกับการขึ้นมายืนปิดของหุ้น AOT บริเวณราคา 73.75 บาท บวกไป 5.75 บาท หรือขึ้นไป 8.45% หลายคนมองเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฐานราคาหุ้นขยับขึ้นไปอีกขั้น และเมื่อมองดูจากตัวเลขกำไรพุ่งทะยานอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ย่อมเชื่อว่า ราคาหุ้นมีโอกาสทะยานขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะมันมองเห็นทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น แถมกูรูในตลาดหุ้นฟันธงตรงกันว่า ไปยาว ๆ แล้วจะต้องวอร์รี่อะไรอีกล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB พอเริ่มออกสตาร์ตการขึ้นรอบใหม่ โมเมนตัมของหุ้นก็ดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา พร้อมกับตั้งฉากเป็นรูป V-Shape ให้เห็นเต็มสองลูกตา “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 135 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.09 พันล้านบาท เพราะเมื่อมองดูจากความคาดหวังเศรษฐกิจจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง หุ้นตัวนี้อย่างไรก็ต้องมาเจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงหุ้นที่มาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมหันไปมองที่หุ้นสุดเลิฟอย่าง EA เพื่อเป็นการย้ำหัวหมุดให้แฟนคลับเข้าใจถึงรูปแบบการขึ้น ๆ ลง ๆ มาจากการย่ำฐานรอข่าวดีที่กำลังเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ต้องกังวลกับการเหวี่ยงตัวไปมาของหุ้นที่นานไปหน่อย เพราะแวลูที่ทุกคนมองในเที่ยวนี้เกิน 60 บาท ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานวานนี้ยืนปิดที่ 54.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.30 พันล้านบาท มันต่ำเกินไปจริง ๆ นะคะ
*ถ้าต้องการเห็นภาพให้ชัดขึ้นไปอีกขั้น “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูแพตเทิร์นการขึ้นของหุ้น ADVANC จากในช่วงต้นปี 62 ยืนอยู่ที่ระดับ 170 บาท มาวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 203 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.19 พันล้านบาท ล้วนมาจากการเคลียร์ปมค่าไลเซนส์จบเรียบร้อยอย่างเป็นทางการ บรรดาผู้รู้เลยมองว่า กำไรของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง จึงพากันไล่ราคาหูดับตับไหม้พะยะค่ะ
*อีกรายที่แรงดีไม่มีตกต้องยกให้ PTG เพราะหลังจากฝ่าฟันจนผ่านพ้นช่วงตกต่ำของการทำธุรกิจ จนตัวเลขกำไรเริ่มคืนสภาพปกติให้เห็นอีกครั้ง บรรดานกรู้ก็กระโจนใส่กันอุตลุด จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 18.10 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 7.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.28 พันล้านบาท และเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในช่วงต้นเดือน พ.ค. อยู่ที่บริเวณ 11 บาท หุ้นตัวนี้ให้รีเทิร์นกี่เปอร์เซ็นต์ ? ลองไปคิดกันดูเอาเองนะจ๊ะ
*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่กองทุนชอบเล่นเป็นประจำ “โมนิก้า” คงมองไปที่บัตรเครดิต KTC กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 44 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้นบาท พร้อมกับทำ all time high เป็นที่เรียบร้อยแบบนี้ หุ้นคงไม่หยุดอยู่เท่านี้แน่ ๆ เพราะเมื่อมองแผนการเบ่งกำไรที่รุกคืบไปยังลูกค้ารายย่อยมากขึ้น เดี๊ยนมองจากมุมไหน ด้านไหน แวลูของหุ้นก็คงไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่ ๆ เจ้าค่ะ
*ส่วนหุ้นที่ติดสอยห้อยตามภาวะตลาดหุ้นขึ้นแรงเหลือเกินในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอหันไปดูหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ KCE หลังกระชากขึ้นมาปิดที่ 19.20 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 6.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 554 ล้านบาท แถมเป็นการผงกขึ้นวันแรกเสียด้วยแบบนี้ วันนี้มีสิทธิ์ออกได้ทั้ง 2 หน้า ไม่ว่าจะเป็น “ไปต่อ” หรือ “ขายทิ้ง” ซึ่งขึ้นอยู่กับเจ้ามือจะเดินเกมหุ้นแบบไหน ?..อิอิอิ