พาราสาวะถี

รัฐธรรมนูญดีไซน์เพื่อพวกเราจริง รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนมาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลและให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจ ล้วนแต่เป็นความจริงที่องคาพยพเผด็จการเสกสรรปั้นแต่งขึ้นทั้งสิ้น แต่คำถามคือ บนความจริงที่ทุกอย่างออกแบบมาเพื่อพวกเรานั้น รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว จะเป็นรัฐบาลกินรวบไม่กินแบ่งเหมือน 5 ปีที่ผ่านมาได้หรือไม่ ความอลเวงและการทวงเก้าอี้ของพรรคชาติพัฒนาล่าสุดคือคำตอบ


อรชุน

รัฐธรรมนูญดีไซน์เพื่อพวกเราจริง รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนมาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลและให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจ ล้วนแต่เป็นความจริงที่องคาพยพเผด็จการเสกสรรปั้นแต่งขึ้นทั้งสิ้น แต่คำถามคือ บนความจริงที่ทุกอย่างออกแบบมาเพื่อพวกเรานั้น รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว จะเป็นรัฐบาลกินรวบไม่กินแบ่งเหมือน 5 ปีที่ผ่านมาได้หรือไม่ ความอลเวงและการทวงเก้าอี้ของพรรคชาติพัฒนาล่าสุดคือคำตอบ

ในอดีตรัฐบาลผสมมากพรรคไม่เคยอยู่กันได้ยืดยาว รอบนี้ 19 พรรคสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถามว่ามันจะอยู่กันอย่างไร อาจมีคำอธิบายจากพรรคแกนนำว่าก็พวกพรรคเล็กที่ได้ส.ส.เอื้ออาทรก็ต้องยอมรับสภาพลูกเมียน้อย นอกเหนือปัจจัยที่จะคอยจัดให้แล้ว ก็ให้ไปมีตำแหน่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รัฐมนตรีเสีย ส่วนพรรค 2 เสียง 3 เสียง ดำรงค์ พิเดช ก็จะกระเตงรักษ์ผืนป่าประเทศไทยไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ คงเหลือชาติพัฒนาที่ได้ตกปากรับคำกันไว้แล้ว แต่เมื่อเก้าอี้ไม่พอก็ต้องชดเชยกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ

การเรียกร้องถามหาความเป็นสุภาพบุรุษ และสปิริตนักกีฬา มันจะไม่เกิดถ้า สุวัจน์ ลิปตพัลลภ และบริวารภายในพรรคได้ศึกษาและเข้าใจอย่างถ่องแท้ในห้วงที่คณะเผด็จการชุดนี้บริหารประเทศ สองสิ่งที่ถามหานั้นมีอยู่หรือไม่ แน่นอนการเบี้ยวเพื่อนรอบนี้มีปัจจัยคือ หากไม่ทำเช่นนี้ต่อไปพรรคที่มีเสียงเท่ากันหรือใกล้เคียงกันก็จะลุกขึ้นมาทวงถามอีก แต่อย่าลืมว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละพรรคนั้นมันต่างกัน เช่น พลังท้องถิ่นไทย ของ ชัช เตาปูน ถามว่ากล้าหือหรือเรียกร้องตำแหน่งหรือไม่

เหตุผลก็เข้าใจกันดีอยู่ อย่างไรก็ตาม บริบทของชาติพัฒนากับการดำรงอยู่ทั้งภายใต้การบริหารของคณะรัฐประหาร กระทั่งเตรียมการสู่การเลือกตั้ง คนที่อยู่เบื้องหลังสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างพรรคการเมืองนี้กับฝ่ายกุมอำนาจก็คือ พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแกนนำคนสำคัญของพรรค ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นที่มาของคำว่าผู้ใหญ่คุยกันและตกปากรับคำที่จะให้เก้าอี้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง ดังนั้น หากจะแก้ตัวหรือสยบแรงกระเพื่อมท่านผู้นำก็คงต้องอาศัยบิ๊กเยิ้มให้ช่วยเคลียร์

เดดไลน์ของนายกฯสืบทอดอำนาจกับโผครม.ยืนยันว่าทุกอย่างจะจบภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งไม่ใช่บอกเพียงแค่คนในประเทศ หากแต่มีการตกปากรับคำกันเรียบร้อยกับผู้นำอาเซียนที่บินมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไทม์ไลน์ตามที่ วิษณุ เครืองาม บอก รายชื่อรัฐมนตรีจะถูกส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบคุณสมบัติหลังเสร็จการเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียน นั่นก็หมายความว่า ภายในสัปดาห์นี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย

เมื่อเป็นเช่นนั้น ข่าวที่ออกมาว่ามีรัฐมนตรีช่วย 2 รายจากพรรคร่วมไม่ได้ไปต่อ ก็เป็นเรื่องของการหยั่งเชิงวัดกระแส ที่แน่ ๆ ชะตากรรมของคนตระกูลไทยเศรษฐ์ จาก ชาดา เปลี่ยนตัวมาเป็น มนัญญา ก็ยังไม่พ้นบ่วงเรื่องฉาวที่อยู่ในกระบวนการของศาล ถือเป็นกรรมของคนที่ได้ชื่อว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งอุทัยธานี แต่งานนี้เมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยต้นสังกัด ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ปรับโผทุกอย่างคงต้องเดินไปตามนั้น

ความจริงก็คือ เรื่องของคนที่อยู่ในการพิจารณาของศาลเมื่อยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ อย่างที่วิษณุว่าเวลานี้คนที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีถือว่ายังไม่มีปัญหาขาดคุณสมบัติ แต่หากศาลตัดสินแล้วมีความผิดก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไป ตรงนั้นค่อยไปว่ากันภายหลัง วันนี้ทุกอย่างต้องเดินหน้ากันแล้ว รีรอต่อรองกันมาเกิน 3 เดือนหลังเลือกตั้ง จากเสียงที่เฝ้ารอด้วยความอดทนของคนส่วนใหญ่ ระวังจะกลายเป็นเสียงโห่ไล่ในเร็ววัน

ปฏิกิริยาเบื่อหน่ายต่อพฤติกรรมของนักการเมืองผู้มักมากและสันดานที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน สะท้อนผ่านผลโพลของ 3 สำนักใหญ่โดยมิได้นัดหมาย ทั้ง สวนดุสิตโพล นิด้าโพล และซูเปอร์โพล ที่กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดต่างเห็นว่า ท่านผู้ทรงเกียรติเอาแต่แย่งตำแหน่ง ยื้อเก้าอี้กันให้วุ่น โดยที่ไม่ได้นึกถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และท่านผู้มีอำนาจก็ดูเหมือนจะใจดีผิดปกติ ด้วยเหตุนี้ซูเปอร์โพลจึงเสนอทางออกว่า ถ้ายังเดินหน้ากันไม่ได้ก็ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่เสียให้รู้แล้วรู้รอด

นี่เป็นภาพสะท้อนอย่างหนึ่งว่า ผู้คนนั้นไม่ได้สนใจว่ารัฐบาลที่เกิดขึ้นจะสืบทอดอำนาจหรือไม่ หน้าตาของผู้นำจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ประการใด แต่ขอให้รีบมีรัฐบาลเพื่อที่ทุกอย่างจะได้ดำเนินการกันเสียที โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ไม่ต่างกันจากภาคเอกชนที่วันนี้พอเห็นโฉมของรัฐมนตรีที่จะมาดูแลงานด้านเศรษฐกิจจาก 3 พรรคการเมืองหลักแล้ว ความคาดหวังที่เคยมีก็หล่นวูบไปในระดับหนึ่ง สิ่งที่รอคือการกำหนดนโยบายเพื่อขับเคลื่อนจะตอบโจทย์ปัญหาที่กำลังเผชิญหรือไม่

อย่างที่รู้กัน ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่สามารถออกกฎหมายอะไรก็ได้ เพื่อช่วยให้งานที่อยู่ในความดูแลของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เดินหน้าโดยไม่ต้องพะวงเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลหรือการเตะตัดขากันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ผลงานก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเป็นที่ประทับใจ เมื่อมาเจอกับรัฐบาลผสมที่แต่ละพรรคก็มุ่งจะขายฝันของตัวเองโดยมองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่รู้ว่าสิ่งที่จะคัดและคลอดเป็นนโยบายออกมามันจะหล่อเหลาสวยหรูเพียงใด

ต้องไม่ลืมว่า พรรคหนึ่งมีภาพดีแต่พูดติดตัวมา อีกพรรคก็ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเขี้ยวผลิตผลงานน้อยแต่เรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองเก็บกันทุกเม็ดทุกดอก ขณะที่พรรคแกนนำชูแนวความคิดการเมืองใสสะอาดและนโยบายหลายอย่างทำได้ทันที แต่หลายเรื่องต้องไปใช้รัฐมนตรีต่างพรรคหากสอดประสานทำงานร่วมกันลงตัวทุกอย่างก็ไร้ปัญหา แต่ถ้าเกิดการเหยียบตาปลาปีนเกลียวกันก็ไม่อยากนึกภาพ ลองย้อนกลับไปดูเกาเหลาชามโตของผู้นำทีมเศรษฐกิจของบางพรรคในอดีตแล้วจะรู้คำตอบว่ามันเป็นอย่างไร

ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติทั้งส.ส.และส.ว.ลากตั้ง ต่างหายใจไม่ทั่วท้องกันเป็นแถวจากกรณีถือหุ้นสื่อ โทษใครไม่ได้เพราะนี่คือกฎหมายที่คณะสืบทอดอำนาจเป็นคนยกร่างขึ้นมาเอง สุดท้ายต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้าจะให้ดีในเมื่อเห็นแล้วว่านี่คือกับดักที่พร้อมจะทำให้ทั้งสองสภาเกิดอาการสะดุดได้ทุกเมื่อ ก็ควรที่จะจับมือกันแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหาเสีย เว้นแต่ว่าบางพวกรับงานมาแล้วว่าไม่แตะของที่เผด็จการเขาหวงนั่นก็อีกเรื่อง

Back to top button