พาราสาวะถี

อรชุน

ของขลังยุคนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าผ้ายันต์รุ่นคอสอชอ เพราะอานิสงส์แห่งพลังดูดนั้นถึงขนาดให้คนที่มีคดีความถูกปัดเป่าพ้นมลทินได้ในพริบตา ไม่เชื่อก็ลองไปถาม “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ดู นอกเหนือจากคดีล้มประชุมอาเซียนเมื่อปี 2552 ที่หลุดคดีเพราะหมดอายุความ อันเนื่องมาจากการไร้ความสามารถของตำรวจไทยที่จะไปติดตามตัวมาส่งฟ้องศาลได้ ไม่รู้ว่ายังมีคดีไหนที่จะถูกเป่าให้พ้นไปอีกบ้าง

ยังไม่นับรวมคนอื่น ๆ ที่มีคดีความแล้วหันไปสวามิภักดิ์ บูชาของขลังดังว่า ต่างหลุดรอดหรือได้รับการยกเว้นกันเป็นแถว อำนาจบารมีที่เห็นผลทันตา อย่างไรก็ตาม พลังดูดหลังที่ได้แผ่อิทธิฤทธิ์ก่อนเลือกตั้งไปแล้ว ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นความขลังเริ่มจะลดลง อันเนื่องมาจากการไปชวนพวกที่ไม่ได้เคารพ บูชาของขลังยี่ห้อคอสอชอมาร่วมทำงาน จึงทำให้ตกอยู่ในภาวะต่อรองกันอุตลุด ปลุกเสก สาดข้าวสารกันหลายรอบพวกอดยากปากแห้งก็ไม่สะดุ้งสะเทือน

สุดท้ายเจ้าสำนักจึงต้องใช้วิธีการสั่งให้ลูกน้องเลิกโพนทะนาสรรพคุณของขลังของตัวเอง แล้วยุติการขอคืนเก้าอี้ที่หวงแหนจากพวกที่ชวนมาร่วมขบวนการ เพื่อให้เดินต่อกันไปได้ ซึ่งก็ทำท่าว่าทุกอย่างจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ทำไปทำมา พลันที่เจ้าสำนักบอกว่าบางคนหลุดโผตามที่ได้เสนอมา ก็ถูกจับตามองในทันทีว่า ใครที่อยู่ในข่าย ซึ่งคงหนีไม่พ้นพวกที่ปรากฎเป็นข่าวก่อนหน้า สุดท้าย ก็อยู่ที่ว่าจะเจรจา ลงเอยกันอย่างไร

ต้องไม่ลืมว่า ถ้าเป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกันก็คุยกันง่าย ต้องขู่ทั้งปลอบจำต้องยอมกันโดยปริยาย แต่เมื่อเป็นลูกศิษย์ต่างสำนัก มิหนำซ้ำ ยังเป็นศิษย์มีครูและมีผู้นับถืออีกจำนวนไม่น้อย ต่างถือหางและต้องการให้สำนักที่ตัวเองสนับสนุนได้กุมอำนาจที่จะสามารถเสกสรรปั้นแต่งให้ลูกศิษย์ลูกหาอยู่ดีกินดี โดยที่นายทุนผู้สนับสนุนสำนักจนเป็นที่ยอมรับของสังคม ก็สมควรได้รับปูนบำเหน็จด้วย เหตุนี้จึงทำให้พวกที่ชวนมาร่วมพากันยืนกระต่ายขาเดียว

หันกลับมาดูโลกแห่งความเป็นจริงที่ทุกอย่างต้องว่ากันด้วยหลักการ แนวคิดและวิธีการ ไม่พึ่งของขลังกันบ้าง หลายคนแปลกใจคำพูดของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ล่าสุด เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการชะลอตัว มาจากสาเหตุการเมืองภายในประเทศที่มีการเลือกตั้งใหม่ทำให้ไม่สามารถทำอะไรมากได้ ซึ่งมันเป็นคำพูดที่ย้อนแย้งกับการดำรงอยู่ของรัฐบาลชุดนี้ เพราะไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ มีอำนาจเต็มทุกเม็ดทุกดอก

เหตุใดจึงจะมาอ้างว่าต้องรอรัฐบาล รอการเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่ ณ เวลานี้ หลายเรื่องก็เดินหน้ากันโดยไม่ได้แยแสเสียด้วยซ้ำไปว่า รัฐบาลใหม่จะมารับไม้ต่อเมื่อไหร่ จนกระทั่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกค่อนขอด ที่ยังไม่ยอมตั้งรัฐบาลเสียทีอ้างโน่นอ้างนี่ เป็นเพราะยังไม่อยากเสียอำนาจจากการรัฐประหาร โดยเฉพาะมาตรา 44 แล้วพองานด้านเศรษฐกิจกลับมาอ้างปัจจัยจากการเลือกตั้ง มันช่างเป็นความย้อนแย้งกันอย่างสิ้นเชิง

ไหน ๆ ก็อยากให้คนเชื่ออย่างนั้น จึงมีคำถามต่อไปว่าแล้วทีมเศรษฐกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นภาพลักษณ์เป็นอย่างไร ไม่ว้าวอย่างที่คิดใช่หรือไม่ เจอดอกนี้เข้าไปทำเอาเฮียกวงรีบจ้ำอ้าวหนีนักข่าวทันที อย่างที่รู้ที่เห็นกัน จากที่คิดจะกินรวบริบเก้าอี้กระทรวงเกรดเอไว้ในความดูแลของตัวเองทั้งหมด พอไม่ได้เพราะต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ เล่นเอาสมคิดถึงกับถอดใจจะไม่รับเก้าอี้กันทีเดียว สุดท้าย เมื่อลงเรือแป๊ะมาตั้งแต่ต้น จะโดดทิ้งกันไปดื้อ ๆ คงไม่ได้

ว่าแล้วจึงต้องกลั้นใจลงเรือลำเดียวกันต่อไป ที่เหลือก็อย่างที่บอกไว้หลายหน คงต้องไปวัดกันในแง่ของการประสานความร่วมมือและกำหนดนโยบายร่วมกันของพรรคแกนนำและพรรคร่วมที่สำคัญ หากร่วมกันคิดและช่วยกันสร้าง พากันเดินได้ ทุกอย่างก็ไร้ปัญหา แต่ถ้ามองจากภาพความไม่ประทับใจตั้งแต่ต้น อันเนื่องมาจากการทวงเก้าอี้กันแบบโจ๋งครึ่ม ก็พอจะมองเห็นแล้วว่าทางที่จะเดินด้วยกันต่อไปนั้นมันโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือไม่

ฟังเสียงความห่วงใยจาก ชวน หลีกภัย เตือนรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ต้องให้ความสำคัญกับงานในสภาจะขาดลาหรือฝ่ายบริหารที่ยังไม่ทิ้งเก้าอี้ฝ่ายนิติบัญญัติจะไม่มาร่วมประชุมไม่ได้ ทุกคนต้องมีวินัย จึงจะทำให้รัฐบาลที่ดูง่อนแง่นอยู่ยาวตลอดรอดฝั่งได้ พร้อมยกตัวอย่างสมัยรัฐบาลของตัวเอง แต่คำถามก็คือ สิ่งที่นายหัวสะกิดเตือนพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันนั้น ทั้งหมดจะถูกคิดเป็นต้นทุนในการดำเนินการหรือไม่ เพราะถ้าใช่ ฝ่ายพรรคแกนนำคงไม่เออออตามแน่

แต่คงไม่มีทางเลือกอื่น เพราะนอกเหนือจากทุกคนจะต้องมาร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว สิ่งที่จะเป็นการการันตีเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำคือ เสียงงูเห่า ในวาระสำคัญที่จำเป็นจะต้องควัก งานนี้อย่าบอกว่าเป็นเรื่องเลื่อนลอยไร้สาระ เนื่องจากได้มีการแอบคุย ต่อรองกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่คราวจะยกมือเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยมีการคุยกันว่าต้นทุนในแต่ละครั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับโจทย์ที่ต้องขอเสียงว่ายากง่ายเพียงใด

หลังจากออกมากระทุ้งทวงเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย 1 ตำแหน่งสองสามวันติด วันนี้เสียงจากพรรคชาติพัฒนาเงียบหายไปดื้อ ๆ ไม่ต้องสงสัย สายสัมพันธ์ที่ต่อยอดกันมาไม่มีอะไรทำให้สะบั้นลงไปได้ บทสรุปอยู่เพียงแค่ว่า ถ้าคนของพรรค สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้ตำแหน่งก็หมายความว่า ฟากพรรคสืบทอดอำนาจบางรายต้องยอมเสียสละ แล้วรับปัจจัยเป็นการปลอบใจแทนซึ่งคงไม่มากเท่ากับที่จะต้องควักให้พรรคที่ตกปากรับคำกันไว้แล้วไม่ได้

ปม พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ข้าราชการพลเรือนประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการข้าราชการตำรวจหรือก.ตร. เกิดขึ้นแล้วดับไปในเวลาอันรวดเร็ว หลังที่ประชุมก.ตร.วันวานมีมติถอนชื่อบิ๊กโจ๊กออกจากอนุก.ตร.ด้วยเหตุผลสุดสวยหรูเจ้าตัวถูกโยกพ้นสตช.แล้ว เกรงไม่สะดวกเดินทางมาประชุม แหม!คนที่เคยขึ้นหม้อเจอไม้นี้เข้าไปคงต้องไปซดใบบัวบกแก้ช้ำ นี่แหละอำนาจ วาสนาที่เป็นเรื่องไม่จีรังยั่งยืน