พาราสาวะถี

จากที่ตื่นเต้นเล่นเอาพรรคร่วมรัฐบาลลุ้นกันตัวโก่ง แต่พลันที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เฉลยกับคำพูดที่บอกว่ามีคนหลุดโผครม.จำนวนหนึ่ง เพราะมีการเสนอชื่อมากว่า 40 คน แต่เก้าอี้มีให้แค่ 36 ตำแหน่ง ก็ถึงบางอ้อกันทันที นี่คือมุกของท่านผู้นำนั่นเอง แต่ก็ยังมีให้ลุ้นกันนิด ๆ กับส่วนที่หายไปเป็นคนที่ถูกชงมาจากพรรคสืบทอดอำนาจเอง ซึ่งยอมรับว่าบางตำแหน่งมีการส่งให้ผู้นำพิจารณา 2 รายชื่อ จึงไม่รู้ว่าตัวจริงหรือชื่อสำรองที่เข้าป้าย


อรชุน

จากที่ตื่นเต้นเล่นเอาพรรคร่วมรัฐบาลลุ้นกันตัวโก่ง แต่พลันที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เฉลยกับคำพูดที่บอกว่ามีคนหลุดโผครม.จำนวนหนึ่ง เพราะมีการเสนอชื่อมากว่า 40 คน แต่เก้าอี้มีให้แค่ 36 ตำแหน่ง ก็ถึงบางอ้อกันทันที นี่คือมุกของท่านผู้นำนั่นเอง แต่ก็ยังมีให้ลุ้นกันนิด ๆ กับส่วนที่หายไปเป็นคนที่ถูกชงมาจากพรรคสืบทอดอำนาจเอง ซึ่งยอมรับว่าบางตำแหน่งมีการส่งให้ผู้นำพิจารณา 2 รายชื่อ จึงไม่รู้ว่าตัวจริงหรือชื่อสำรองที่เข้าป้าย

หากจับสัญญาณที่นิ่งอยู่จนถึงเวลานี้ก็อนุมานได้ว่า บรรดาตัวจริงที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้คงไม่มีปัญหาถูกตีตกตามที่เป็นข่าว แต่ก็มีในส่วนของ 4 ว่าที่รัฐมนตรีที่อยู่ในลิสต์ 32 รายชื่อส.ส.ถือหุ้นสื่อที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัยแต่ไม่ได้สั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ประกอบด้วย ณัฐพล ทีปสุวรรณ และ สุชาติ ชมกลิ่น จากพลังประชารัฐ สาธิต ปิตุเตชะ จากประชาธิปัตย์ และหม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย

แต่ถ้ายึดหลักเมื่อยังไม่มีคำวินิจฉัยถึงที่สุดว่าที่ 4 รัฐมนตรีก็คงจะไม่เกิดอาการสะดุด ส่วนคำถามที่ตามมาแล้วหากปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป แล้วศาลวินิจฉัยว่าผิดต้องมีอันพ้นจากตำแหน่ง จะเป็นปัญหาในแง่ความต่อเนื่องในการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะสามารถตั้งคนใหม่มาทดแทนได้ เบื้องต้นแค่จัดโผลงตัวและหยุดแรงกระเพื่อมได้ก็เหนื่อยใจแย่แล้ว อย่าเพิ่งเอาเรื่องใหม่มาเติมเชื้อไฟให้ต้องกุมขมับอีก

อย่างไรก็ตาม ปมปัญหาเรื่องการร้องท่านผู้ทรงเกียรติถือหุ้นสื่อนั้น อย่างที่ ชวน หลีกภัย ยอมรับยังไม่หมดเท่านี้ เพราะจะมีการร้องกันไปมาอุตลุดทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมไปถึงส.ว.ด้วย แต่เมื่อเห็นผลจากการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็เป็นสิ่งที่สภาผู้แทนราษฎรไม่ต้องกังวล การที่ส.ส.ไม่ถูกสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ย่อมไม่มีผลต่อกระบวนการทำงานของสภาแต่อย่างใด

ส่วนที่ใครนำไปเทียบเคียงกับกรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น ในเอกสารชี้แจงของศาลรัฐธรรมนูญก็ระบุไว้ชัด มีความต่างกันในแง่ของกระบวนการที่ชัดเจน ผลที่ออกมาจึงต่างกัน ซึ่งเรื่องนี้คงไม่เป็นประเด็นที่ทำให้ฝ่ายค้านมานั่งติดใจ เหมือนอย่างที่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยบอก สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นสมเหตุสมผลแล้ว ต้องรอบทสรุปของคำตัดสินว่าจะเป็นอย่างไรปลายทางอาจจะออกมาเหมือนกันก็ได้

ไม่ใช่สิ่งเหนือความคาดหมายต่อกรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบกระบวนการสรรหาส.ว.ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ล่าสุด “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ที่อ้างสถานะเป็นผู้ตรวจสอบกลั่นกรองการเสนอญัตติ วินิจฉัยแล้วว่า ไม่สามารถบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้

ด้วยเหตุผลกระบวนการสรรหาส.ว.เป็นอำนาจของคสช.ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังอยู่นอกเหนืออำนาจที่สภาฯจะไปตรวจสอบได้ เพราะหน้าที่ของสภาฯ คือการตรวจสอบกระบวนการทำงานของรัฐบาล แต่คสช.ไม่ใช่รัฐบาล จึงไม่สามารถไปตรวจสอบได้ พร้อมกับข้อแก้ตัวว่า ไม่เกี่ยวกับการเกรงใจไม่กล้าตรวจสอบคสช. ซึ่งคงตามมาด้วยคำถามจากคนทั่วไปว่าจริงหรือ ยิ่งพรรคต้นสังกัดของครูแก้วด้วยแล้วยิ่งเห็นได้ชัดว่าท่าทีแต่อำนาจเผด็จการนั้นเป็นอย่างไร

แต่เรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ เพราะ สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประกาศกลางสภาฯ จะแจ้งความดำเนินการคดีกับประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีดังกล่าว ซึ่งคงต้องสะกิดสุทินสักนิดว่าให้ย้อนกลับไปดูกรณีแรมโบ้อีสาน ที่ตำรวจเขามีคำชี้แจงมาแล้วว่า ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ทันโดยระยะเวลาจำกัดแค่ 7 วันจึงต้องปล่อยให้คดีหมดอายุความ ที่หยิบเรื่องนี้มาเตือนเพราะเกรงว่าจะเสียเวลาเปล่า

ที่น่าคิดคงเป็นมุมความเห็นของ ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งคำถามกับรัฐธรรมนูญฉบับคสช. ที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ เคยให้ฉายาว่าเป็นฉบับปราบโกง แต่มาถึงตอนนี้น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าไม่ได้เป็นไปตามนั้น แต่น่าจะเป็น ฉบับปล่อยโกง” มากกว่าหรือไม่ เหตุมีการปล่อยให้การสรรหาส.ว.เป็นไปเพื่อพวกพ้องญาติพี่น้อง คนใกล้ชิดของคสช. โดยที่ไม่มีองค์กรใดมาตรวจสอบได้ แม้แต่สภาผู้แทนราษฎรซึ่งประชาชนได้เลือกตัวแทนและคาดหวังว่าจะทำหน้าที่แทนประชาชนได้

น่าเสียดายแต่คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดสำหรับบรรดานักการเมืองที่เคยถูกตราหน้าว่าชั่วว่าเลวหลังจากผู้นำเผด็จการยึดอำนาจหมาด ๆ ถูกด่าเช่นนี้มาตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี จนวันที่จะมีการสืบทอดอำนาจ บรรดาเสือหิวเสือโหยทั้งหลายก็กระโดดเกาะขบวนเผด็จการทันทีทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยไม่ได้มีความรู้สึกรังเกียจหรือโกรธเคืองคนที่ดูถูก ดูแคลนตัวเองแต่อย่างใด แม้กระทั่งพวกที่เคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชนยังผิดคำพูดได้หน้าตาเฉย

จะว่าไปคงโทษใครไม่ได้ เพราะรู้กันอยู่แล้วสำหรับบางพรรคการเมือง เรื่องของหลักการ ระบบหรือกติกาใด ๆ ก็เพียงแค่การอ้างหรือสร้างวาทกรรมให้ตัวเองและพรรคต้นสังกัดดูสวยหรูเท่านั้น และความจริงอีกประการก็คือ เมื่อสมคบคิดกันมาตั้งแต่ต้นจนเกิดคณะเผด็จการ แม้กระบวนการหลังจากนั้นจะไม่ได้เอื้อประโยชน์ใด ๆ ให้พรรคตัวเองก็ตาม แต่จะกระดากไปทำไมกับการสังฆกรรมกับอำนาจสืบทอด เพราะปกติก็อย่างหนากันอยู่แล้ว

หากสังเกตกันให้ดีก็จะเห็นชัดว่าวิธีการที่ฝ่ายเผด็จการและองคาพยพใช้ก็ไม่ได้ต่างจากบางพรรคการเมือง โดยการยกตนเป็นคนดีมากดข่มฝ่ายตรงข้าม ยัดเยียดความเป็นพวกสามานย์เพื่อล้างสมองให้คนส่วนใหญ่คล้อยตาม เมื่อทั้งแนวคิดและวิธีปฏิบัติใกล้เคียงกัน ยามถึงเวลาผสมพันธุ์มันจึงไม่มีอะไรจะต้องมาเคอะเขิน เพียงแต่ว่าเมื่อร่วมหอลงโรงกันไปแล้วจะออกลายกันหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ประสาคนดี ต่อให้มีปัญหากันอย่างไรคงได้ยินแค่คำว่าใครดีมากดีน้อยไม่มีคนเลวแน่นอน (ฮา)

Back to top button