พาราสาวะถี

อรชุน

ยืนยันกับเด็กไทยในสหรัฐอเมริกาและผู้ปกครองที่เข้าพบในทำเนียบรัฐบาลตามโครงการเยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 12 ว่า ประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของตัวเองในกลางเดือนนี้ นอกจากนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังบอกด้วยว่า ดีใจที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาโดยถูกต้อง ในเมื่อเชื่ออย่างนั้นก็ต้องให้ว่ากันไป แต่ถูกต้องแล้วถูกใจเป็นที่ยอมรับของประเทศที่จะคบค้าสมาคมด้วยหรือไม่ หลังจากรับตำแหน่งและเดินทางไปร่วมเวทีนานาชาติ ท่าทีที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ จะแสดงออกจะเป็นเครื่องพิสูจน์

ด้วยกลไกทุกกระบวนท่าของขบวนการสืบทอดอำนาจ ทำให้ผู้นำเผด็จการกล้าที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าตัวเองมาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นสากลหรือไม่ การมีส.ว.ลากตั้ง 250 เสียงที่ตัวเองตั้งมากับมือร่วมโหวตเลือกนายกฯ และเป็นปัจจัยสำคัญทำให้บางพรรคการเมืองต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่จะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจและสังฆกรรมเผด็จการ เป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งว่า ที่มาแห่งอำนาจนั้นเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของผลงานต้องรอให้ผ่านช่วง 5 ปีที่ส.ว.ลากตั้งหมดอำนาจในการร่วมโหวตเลือกนายกฯไปแล้ว จึงจะพิสูจน์ได้ว่าที่ประชาชนยอมรับคนชื่อประยุทธ์นั้น เป็นเพราะฝีมือหรืออำนาจเผด็จการที่กดทับทุกปัญหาไว้กันแน่ เอาแค่การลุกขึ้นมาประกาศกร้าวของกลุ่มสามมิตรในพรรคของผู้นำเผด็จการ ก็เป็นหนังตัวอย่างชี้ให้เห็นแล้วว่า ในวันที่ไร้ม.44 และไม่มีอำนาจเผด็จการอยู่ในมือ อย่าคิดว่าจะชี้ไม้เป็นนก ชี้นกให้เป็นอย่างอื่นได้อีกต่อไป

อาจจะมั่นใจในแง่ของกับดักต่าง ๆ ที่ได้วางไว้ผ่านกฎหมายต่าง ๆ ที่เนติบริกรพากันจัดให้ ในอีกด้านก็อย่าลืมว่า เมื่อไม่มีอำนาจวิเศษที่จะตัดสินใจเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้โดยฉับพลันทันที ทุกอย่างต้องไปตั้งต้นที่สภาผู้แทนราษฎร หากเก้าอี้รัฐมนตรีของกลุ่มลุกฮือไม่เป็นไปตามตกลง และจำเป็นต้องก้มหน้ายอมรับกันไปก่อนนั้น เมื่อถึงเวลาเอาคืน ผู้นำเผด็จการจะได้ลิ้มรสชาดทางการเมืองอันโหดร้ายว่ามันเจ็บปวดเพียงใด ที่พวกเดียวกันมาหักหลังกันเอง

ต้องไม่ลืมว่า ความสงบที่จบลงเพียงชั่วข้ามคืนของกลุ่มสามมิตรนั้นเป็นความเงียบและหยุดนิ่งเพียงชั่วคราว เพราะเมื่อไปเทียบเคียงกับอีกพวกอย่างตัวแทนกปปส.ในพรรคสืบทอดอำนาจแล้ว นอกจากลงทุนชัตดาวน์ประเทศให้บิ๊กตู่ได้โชว์พลังจนได้ขึ้นเป็นผู้นำมากว่า 5 ปีแล้ว ช่วงก่อนและระหว่างการเลือกตั้ง คนเหล่านั้นหาได้ออกแรงใด ๆ ไม่ แต่หลังเลือกตั้งกลับได้รับการปูนบำเหน็จอย่างเต็มที่ นี่คือบาดแผลของคนที่ยอมกลืนเลือดเพื่อรอวันแก้แค้นดี ๆ นี่เอง

ไม่เพียงเท่านั้น การขยับของกลุ่มสามมิตรทำให้พบว่า บรรดาคนดีทั้งหลายที่อุ้มสมเผด็จการนั้น ต่างพากันแสดงตัวปกป้องหน้าสลอนทั้งดอกเตอร์ด็อกแต๋ว ล่าสุด ก็มีอีกหนึ่งแกนนำที่มีตำแหน่งแห่งหนในพรรคสืบทอดอำนาจด้วยอย่าง สกลธี ภัททิยกุล กับการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ผมไม่เคยข่มขู่ขอตำแหน่งครับ” ก่อนจะติดแฮชแท็กถถถถถถถถถถถถถ ซึ่งน่าจะหมายถึงคำว่า “ถุย” ตามมาด้วยถ้อยคำที่ว่าไม่แปลกที่ประชาชนจะคลื่นเหียนกับนักการเมือง อายจัง

ไม่เพียงเท่านั้น 2 ชั่วโมงต่อมายังได้โพสต์อีก 1 ข้อความว่า “หนังคนละม้วน 10 ล้อคว่ำ” ถือเป็นการทับถมกลุ่มสามมิตรล้วน ๆ นี่คือภาพสะท้อนว่า ฝ่ายหนึ่งยอมจบแต่อีกฝ่ายยังตอดเล็กตอดน้อย เหมือนจะพยายามทำให้สังคมเห็นว่า พวกที่เคลื่อนไหวต่อรองในพรรคสืบทอดอำนาจนั้นเป็นคนชั่วคนเลว ไม่รักษาคำพูด ทั้ง ๆ ที่ความจริงหากมองย้อนกลับไปยังพวกที่มาร่วมขบวนสืบทอดอำนาจด้วยแล้ว ล้วนแต่เป็นพวกไร้สัจจะทั้งสิ้น

อาการแบบนี้ ในทางการเมืองต้องบอกว่าเป็นความสงบภายใต้คลื่นลมแรง ทุกอย่างรอวันที่จะปะทุและระเบิดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เว้นเสียแต่ว่าจะมีปัจจัยอื่นอันหมายถึงการเลี้ยงดูปูเสื่อจนอิ่มหนำสำราญ และโกยกันได้เป็นกอบเป็นกำแล้วนั่นก็อีกเรื่อง พวกหน้าฉากปากดีและใช้ความเป็นคนดีสร้างเกราะป้องกันตัวเองนั้น ฉากหลังอย่าให้พูดถึง ล้วนแล้วแต่ฟอนเฟะมีเบื้องหลังทั้งนั้น ไม่ว่าจะพวกที่นั่งอยู่แถวเสาชิงช้าหรือว่าด็อกแต๋วปากมอมก็ตาม

การดี๊ด๊าต่อที่มาของอำนาจคงไม่ได้มีแค่ผู้นำเผด็จการเท่านั้น รัฐมนตรีที่ได้ไปต่อด้วยกันคงจะสนุกกับการสร้างวาทกรรมด้วยดีใจที่ผลงานของตัวเองในการแปลงกายเผด็จการให้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ที่เห็นได้ชัดก็ วิษณุ เครืองาม จากผลงานแถทุกท่วงท่าจากประเด็นกรรมการสรรหาและกระบวนการได้มาซึ่งส.ว. ล่าสุด ก็ผุดวาทกรรมเรือเหล็กแทนเรือแป๊ะ พร้อมกับบอกว่าเรือปริ่มน้ำน้ำเข้าเรือคนที่ลงเรือลำเดียวกันต้องช่วยกันวิด

เรื่องฝีปากไม่เป็นรองใคร ยิ่งความหัวหมอไม่ต้องพูดถึง ดังนั้น สิ่งที่ฝ่ายค้านซึ่งตั้งป้อมแต่วันแรกจะเล่นงานรัฐบาลสืบทอดอำนาจสารพัดเรื่อง ก็พึงระวังการโต้กลับโดยเนติบริกรเหล่านี้ให้ดี แค่ออเดิร์ฟยกหางรัฐบาลตัวเองและกัดรัฐบาลในอดีตว่านโยบายเพ้อเจ้อ ก็เห็นสัญญาณการชักธงรบได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม งานนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายตรงข้าม หากแต่เป็นพวกเดียวกันเองนั่นแหละ เปิดคาง การ์ดตกเมื่อไหร่ มีหวังถูกสอยร่วงไม่รู้ตัว ส่วนการเตะตัดขากันเองนั้นเชื่อได้ว่ามีเป็นระยะอยู่แล้ว

สอดรับกับการจะเห็นโฉมรัฐบาลใหม่ องค์กรจัดเลือกตั้งอย่างกกต. วันก่อนร่อนเอกสารข่าวชี้แจงชุดใหญ่ ทั้งเรื่องการเปิดเผยผลคะแนนเลือกตั้งรายหน่วยไปจนถึงงบประมาณสรรหาส.ว.ที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาทแต่ใช้จริงแค่ 400 กว่าล้าน ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยปมสำคัญ 5 เรื่องร้องที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐและผู้นำเผด็จการถูกยกเกลี้ยง เป็นอันว่าสามารถสืบทอดอำนาจกันต่อไปได้อย่างสบายใจเฉิบ

เช่นเดียวกับ จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาฯกกต.ที่ชี้แจงประเด็นการสืบส.ส.ถือหุ้นสื่อ ยืนยันไม่มีดึงไม่มีเร่ง ทุกอย่างว่ากันไปตามพยาน หลักฐาน หากไม่มีกรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนอาจจะเชื่อสนิทใจได้ แต่พอนำไปเทียบเคียงกับสิ่งที่ 7 เสือกกต.ได้ตัดสินไปแล้ว กับสิ่งที่สำนักงานกกต.กำลังทำแบบเรื่อยเฉื่อย มันสะท้อนภาพชัดว่า มาตรฐานการทำงานเป็นอย่างไร ไม่ต้องถามถึงความเชื่อถือ เชื่อมั่นจากประชาชน