CEN น่าลงทุน!
CEN ถือเป็น Holding Company ที่ลงทุนครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีการลงทุนในบริษัทก่อสร้างที่ครอบคลุมงานก่อสร้างเกือบทั้งหมด ทั้งรับเหมาก่อสร้าง ขุดเจาะอุโมงค์ งานโยธา รวมทั้งลวดเหล็ก เสาโครงเหล็กชุบสังกะสี ที่ใช้สำหรับงานรับเหมาก่อสร้าง และงานโครงการระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง อีกทั้งยังมีการลงทุนในบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน
บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN ถือเป็น Holding Company ที่ลงทุนครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีการลงทุนในบริษัทก่อสร้างที่ครอบคลุมงานก่อสร้างเกือบทั้งหมด ทั้งรับเหมาก่อสร้าง ขุดเจาะอุโมงค์ งานโยธา รวมทั้งลวดเหล็ก เสาโครงเหล็กชุบสังกะสี ที่ใช้สำหรับงานรับเหมาก่อสร้าง และงานโครงการระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง อีกทั้งยังมีการลงทุนในบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน
อีกทั้งในปัจจุบันมีการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 3 บริษัทได้แก่ RWI (ถือหุ้น 75%) UWC (ถือหุ้น 57.35%) และ EMC (ถือหุ้น 5.05%) ทั้งนี้คาดผลประกอบการของ RWI จะปรับตัวดีขึ้นหลังโครงการรัฐซึ่งต้องอาศัยเหล็กเป็นโครงสร้างหลักเริ่มมีความชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟทางคู่ในการป้อนวัตถุดิบลวดเหล็ก เพื่อผลิตหมอนรถไฟทางคู่
นอกจากนี้ RWI ยังได้ปรับกลยุทธ์รุกตลาดโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศทั้งพม่า ลาว มากขึ้น จะช่วยหนุนยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง ส่วน UWC คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ที่ผ่านนั้นพลิกจากขาดทุนในปีก่อนเป็นบวกราว 9.14 ล้านบาท เนื่องจากประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 58 UWC ได้เข้าลงทุนในบริษัท พาราไดซ์กรีนเอนเนอยี่ จำกัด (UWC ถือหุ้น 60%) ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส คาดเป็นธุรกิจที่เข้ามาช่วยสร้างรายได้ และผลกำไรที่มั่นคงให้แก่ UWC ได้ในระยะยาว
บริษัทย่อยที่ CEN ลงทุนอยู่สามารถรักษาผลกำไรอย่างต่อเนื่อง และมั่นคง ก็สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ CEN ในอนาคตได้อีกด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 448.87 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 498.01 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 25.32 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 5.61 ล้านบาท หรือ 0.01 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทกลับมามีกำไรดีขึ้นจากกำไรของตัวบริษัทและกำไรบริษัทย่อยเข้ามา
เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจต่อการลงทุนของนักลงทุน ก็พบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 3,710.56 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 893.32 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 4.16 เท่า แสดงว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทมีมากเกินความจำเป็นจนอาจเกิดปัญหาทุนจม
ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทยังไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง เพราะเป็นหนี้สินเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนั้น ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขหนี้สินรวมที่มีเพียง 1,263.28 ล้านบาท และเมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีมากถึง 4,089.99 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.31 เท่า นั่นหมายความว่า บริษัทแทบไม่มีหนี้สินใดๆ มารบกวน
ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล. ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 6.18 บาท
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1. นายชนะชัย ลีนะบรรจง 155,954,100 หุ้น 24.71%
2. นายจิรวุฒิ คุวานันท์ 64,183,800 หุ้น 10.17%
3. นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง 29,000,000 หุ้น 4.60%
4. พ.ญ.กนกแก้ว วีรวรรณ 16,539,400 หุ้น 2.62%
5. นายปฏิญญา เทวอักษร 16,190,000 หุ้น 2.57%
รายชื่อกรรมการ
1.นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการ
2.นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหาร
3.นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
4.นายมณฑล เชตุวัลลภกุล กรรมการ
5.นายพิพิธ เชาว์วิศิษฐ กรรมการ