พาราสาวะถี

วันพรุ่งนี้ (16 กรกฎาคม) เวลา 18 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทั้งนี้ ได้มีการนัดหมายให้ครม.ทั้งคณะไปถึงทำเนียบรัฐบาล ณ ตึกภักดีบดินทร์ ก่อนเวลา 16.30 น. โดยการเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดรถตู้เพื่อให้รัฐมนตรีเดินทางไปเป็นคณะ โดยจะออกจากทำเนียบรัฐบาลเวลาห้าโมงเย็นและเดินทางกลับพร้อมกันเมื่อเสร็จพิธี


อรชุน

วันพรุ่งนี้ (16 กรกฎาคม) เวลา 18 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทั้งนี้ ได้มีการนัดหมายให้ครม.ทั้งคณะไปถึงทำเนียบรัฐบาล ณ ตึกภักดีบดินทร์ ก่อนเวลา 16.30 น. โดยการเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดรถตู้เพื่อให้รัฐมนตรีเดินทางไปเป็นคณะ โดยจะออกจากทำเนียบรัฐบาลเวลาห้าโมงเย็นและเดินทางกลับพร้อมกันเมื่อเสร็จพิธี

แต่ก่อนที่ครม.ใหม่จะเข้าเฝ้าฯ นั้น วันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.นัดประชุมครม.เก่านัดพิเศษ เป็นการสั่งลารัฐมนตรี 17 คน คาดการณ์เป็นการหารือเกี่ยวกับเอกสารของกระทรวงการพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ที่เป็นเอ็มโอยูซึ่งจะต้องไปเซ็นกับประเทศลาว ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่รอให้ครม.ใหม่เข้ามาดำเนินการ ตรงนี้ต้องฝากให้นักข่าวไปสะกิดถามนายกฯ คนเก่าว่าได้คุยกับนายกฯ คนใหม่ไว้บ้างหรือยัง (ฮา)

อย่างไรก็ตาม เมื่อกางปฏิทินวาระงานของรัฐบาลที่เนิ่นช้าหลังจากเลือกตั้งผ่านมากว่า 3 เดือนแล้ว หลังถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ชวน หลีกภัย นัดประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายในวันที่ 25 กรกฎาคม ให้เวลา 3 วันต้องจบคือภายใน 27 กรกฎาคม เนื่องจากวันที่ 28 กรกฎาคม เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือเป็นวันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศในการที่จะได้ถวายความจงรักภักดี

ส่วนนโยบายของรัฐบาลนั้นมีทั้งหมด 41 หน้า พลเอกประยุทธ์จะใช้เวลาแถลงจั่วหัว 2 ชั่วโมง ซึ่งก็อยู่ในกรอบเวลาที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเหมือนที่ผ่านมา ส่วนนโยบายของพรรคสองพรรคสำคัญอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย มีเพียงการปลูกกัญชาเสรีเท่านั้นที่บรรจุไว้ในร่างนโยบาย แต่เป็นกรอบอย่างกว้างว่า สนับสนุนให้มีการปลูกกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ และให้นำไปใช้ช่วยเหลือในทางการแพทย์ หากจะนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีในกระทรวง

โดยที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของพรรคเก่าแก่ไม่ได้บรรจุไว้ ถือว่าเป็นไปตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้าว่า พรรคแกนนำมองเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำในขวบปีแรก แต่ฟังจาก จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จากประชาธิปัตย์ อ้างว่ามีการบรรจุไว้แล้ว เลยไม่แน่ใจว่าไปบรรจุไว้ตรงไหนหรือเป็นเพียงแค่คำแก้ตัว เพราะกลัวจะถูกกองเชียร์ที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจด่าเอา

คร่าว ๆ นโยบายทั้งหมดนั้น ดูแล้วจะเป็นของพรรคพลังประชารัฐเสียส่วนใหญ่ วางกรอบไว้เหมือนอย่างที่แกนนำรัฐบาลคสช.และแกนนำพรรคสืบทอดอำนาจได้ประกาศไว้ก่อนหน้าคือ 4 ด้าน ได้แก่ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาปากท้องของประชาชน การสร้างอนาคตให้ประชาชน และการแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า น่าสนใจกว่านั้นคงเป็นประเด็นที่ฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายมากกว่า เพราะมีการจองกฐินรัฐมนตรีไว้แล้ว

หนึ่งรายแน่ ๆ หนีไม่พ้น อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลังกับปมปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร อีกคนคือ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับคดีความยาเสพติดซึ่งถูกดำเนินการในต่างประเทศ แต่เมื่อทั้งสองคนยืนยันในความบริสุทธิ์ ก็คงใช้เวทีนี้ฟอกขาวตัวเอง ขณะเดียวกันก็คงจะมีองครักษ์พิทักษ์นายทั้งส.ส.และส.ว.ลากตั้ง ช่วยกันออกมาปกป้องตามสูตร

ที่น่าจับตาอีกประการคือ บรรดาพวกลากตั้ง ที่ถนัดในการยกยอปอปั้นและปรบมือเชียร์ผู้นำสืบทอดอำนาจ การอภิปรายร่างนโยบายเที่ยวนี้ยังจะมีพวกสอพลอหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ เช่นเดียวกันกับพวกที่จะทำตัวหลงยุค ไปอภิปรายพาดพิงเอาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ถูกเผด็จการคสช.ยึดอำนาจมา อย่าคิดว่าไม่มี เพราะนี่คืองานถนัดของลิ่วล้อเผด็จการ ถึงบอกว่าเรื่อง ทักษิณ ชินวัตร จะวางมือการเมืองหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ มันอยู่ที่พวกชอบขุดเรื่องเดิมมาหากินยุติพฤติกรรมเหล่านั้นหรือยังมากกว่า

ให้ความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีของคณะสืบทอดอำนาจกับปมแย่งห้องทำงานกันหน่อย หลังมีข่าวร้อยเอกธรรมนัส แย่งห้องทำงานที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับรัฐมนตรีช่วยจากพรรคชาติไทยพัฒนาอย่าง ประภัตร โพธสุธน แต่ทั้งคู่ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่มี แถมยืนยันสนิทสนมกันดีตั้งแต่ยังไม่มีเก้าอี้เสนาบดี มิหนำซ้ำ ยังนัดรับประทานอาหารร่วมกับรัฐมนตรีช่วยอีกรายจากภูมิใจไทยคือ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ เมื่อวันวาน เป็นการตอกย้ำว่าไร้ภาวะเกาเหลาในกระทรวงนี้

เหตุที่บอกว่าต้องให้ความเป็นธรรมนั้นก็คือ หากจะมีการแย่งเก้าอี้กันจริงก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะมีมากันทุกยุคทุกสมัย ถ้าจำกันได้ตั้งแต่คราวรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช พวกที่จะเข้าไปนั่งในทำเนียบรัฐมนตรีในปีกของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ก็โทรศัพท์สั่งการเจ้าหน้าที่ ล็อกห้องไว้ให้เจ้านายของตัวเองเสร็จสรรพ และยุคของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็มีข่าวของของรัฐมนตรีสำนักนายกฯ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล กับ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แย่งห้องทำงานกันเหมือนกัน

ทั้งหมดเกิดจากเรื่องความเชื่อส่วนตัวบุคคลซึ่งคงจะไปห้ามกันไม่ได้ แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ของประเทศอยากเห็นคงเป็นความตั้งใจที่จะทำงานกันมากกว่า ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนหรือมีห้องทำงานดี หรูหรายังไง แต่ผลงานไม่คืบ ปากท้องของพี่น้องประชาชนยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องทางด้านการเกษตรฯ ถ้ายังเป็นอย่างที่เห็น แย่งห้องกันไป สุดท้ายประชาชนประเมินแล้วให้สอบตก และรัฐบาลชุดนี้น่าจะเข้าใจห้วงเวลาที่ต้องเร่งสปีดผลงานของตัวเองดี ดีไม่ดีที่แย่งกันอาจจะถูกปรับไปก่อนพวก

เหมือนอย่างที่ จาตุรนต์ ฉายแสง ว่าไว้เรื่องแย่งห้องทำงานเรื่องเล็ก เรื่องที่ใหญ่กว่าเยอะก็คือพวกที่แย่งห้องทำงานกันอยู่นี้ทำไมยังมาเป็นรัฐมนตรีกันได้และพวกเขาทั้งหลายจะปู้ยี่ปู้ยำประเทศกันอย่างไรต่างหาก ก่อนที่จะฝากฝ่ายค้านให้ช่วยขยี้ถามท่านผู้นำว่ารู้ปูมหลังของรัฐมนตรีตัวเองบ้างหรือไม่ และจำเพาะเจาะจงในรายของอุตตมด้วยว่ามีมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าตัวกระทำผิดกฎหมายในเรื่องที่รับผิดชอบแล้วหรือไม่ ถ้ามีแล้ว มาตรการนั้นคืออะไร ยังแหลมคมเหมือนเดิม แต่ถ้าไปถามผู้นำจริงก็คงไร้ซึ่งคำตอบแน่นอน

Back to top button