วัดใจโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเหมือนสาววัยทองที่มีอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ครั้งไหนอยากจะดี ก็ดีจนน่าใจหาย ครั้งไหนอยากจะร้าย ก็ร้ายจนน่ากลัว “โมนิก้า” จึงอนุมานว่า การทะยานขึ้นของดัชนีมาปิดที่ 1,484.90 จุด บวกไป 12.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.71 หมื่นล้านบาท มันเป็นการดักทางไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเกมที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความกล้าอยู่ในตัวนะจะบอกให้


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเหมือนสาววัยทองที่มีอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ครั้งไหนอยากจะดี ก็ดีจนน่าใจหาย ครั้งไหนอยากจะร้าย ก็ร้ายจนน่ากลัว “โมนิก้า” จึงอนุมานว่า การทะยานขึ้นของดัชนีมาปิดที่ 1,484.90 จุด บวกไป 12.33  จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.71 หมื่นล้านบาท มันเป็นการดักทางไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเกมที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความกล้าอยู่ในตัวนะจะบอกให้

*เหตุผลที่ทำให้เดี๊ยนต้องกล่าวออกมาเช่นนี้มาจากมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง บวกกับดัชนีปรับตัวขึ้นแรงเกินกว่าเหตุ “โมนิก้า” ถึงต้องชี้ให้เห็นถึงผลได้ผลเสียแบบรอบด้าน เพราะการขึ้นรอบนี้ไม่มีอะไรต่างจากรอบที่แล้ว ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนยังเป็นเรื่องเดิมๆ ปัญหาหนี้กรีซ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผลประกอบการหุ้นแบงก์ ฯลฯ ล้วนเป็นกิมมิคที่รู้กันอยู่เต็มอกนะจ๊ะ

*วันนี้ถึงไม่ต้องเดาเหตุการณ์ให้เสียเวลา เพราะคำตอบของวันนี้มีแค่ “ขึ้น” หรือ “ลง”  เพราะตัวกระตุ้นที่ทำให้นักเล่นย้อนกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกรอบมาจากความคาดหวังต่อสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น บวกกับหุ้นบลูชิพลงมาถึงจุดเด้งกลับอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยยินดียินร้ายอะไรสักเท่าไหร่ ก็ของมันเห็นกันมาเป็นเดือนแล้วว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นเหมาะสำหรับเหล่าผู้กล้าเจ้าค่ะ

*ขนาดหุ้นพื้นๆ ธรรมดาๆ อย่าง CEN ซึ่งอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เสี่ยขุน” ยังกระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่ยังไม่รู้ว่า มีอะไรในกอไผ่? บวกกับตัวเสี่ยต้องเผชิญกับข่าวนินทาในทางเสียๆ หายๆ “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ที่นักเล่นต้องประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเอง เพราะแพทเทิร์นของการขึ้นเที่ยวนี้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น 2 ครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานะจ๊ะ

*โดยเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้นคือ หุ้นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนขึ้นไปแตะระดับ 5.50 บาท แต่หลังจากนั้นรูดลงมากองแถว 2.50 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักโหนกระแสต้องตามเกมให้ทัน และต้องฉวยโอกาสทำกำไรก่อนคนอื่น หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.04 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเหมือนกับกรณีของ UWC ที่ทะยานขึ้นไปถึง 3 บาทในช่วงปี 58 นี้เอง ขณะที่วันนี้มูลค่าของหุ้นเหลือแค่ 0.69 บาท มันคือภาพมุมกลับของเรื่องที่เล่าให้ฟังนี่แหละ

*ส่วนในรายของ AQ เว้ากันตรงๆ พูดกันแบบซื่อๆ ดีลนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แถมทุกคนรู้ดีว่า คนที่จะเข้ามารับไม้ต่อเป็นใคร ทุนหนาขนาดไหน และราคาที่เคาะ 0.50 บาท ทุกคน win-win กันขนาดไหน? “โมนิก้า” ไม่ขอออกแอ็กติ้งอะไรมากกว่านี้ เพราะมันไม่ค่อยงามสักไหร่ เดี๋ยวผู้คนเขาจะหาว่า ไม่มีความเป็นกุลสตรี ล่าสุดหุ้นวิ่งมาปิดที่ 0.44 บาท บวกไป  0.03 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท มันมีความหมายในตัวของมันเองอยู่แล้วนะคะ

*สำหรับในรายของ SOLAR มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นในบริษัทอะป่าว! ราคาหุ้นถึงทิ้งดิ่งอย่างน่ากลัว! เพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้เหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ จู่ๆ กลับสาดหุ้นทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใย “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยปกติ หลังหุ้นรูดลงมากองอยู่ที่ระดับ 14.60 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ “เจ๊ปัทมา” ต้องตอบสังคมให้ได้นะจะบอกให้

*เหมือนกับดีลที่เกิดขึ้นกับ THANA ก็เป็นหุ้นที่มีข่าวพัวพันเกี่ยวกับการเปลี่ยนมือเจ้าของมาตลอด และทุกครั้งก็มีการปฏิเสธข่าวดังกล่าวเป็นประจำ ล่าสุดก็มีข่าวเกี่ยวกับทำนองนี้ออกมาให้ได้ยินอีกรอบ และดูเหมือนชาวหุ้นจะตอบรับข่าวนี้อย่างเต็มใจเสียด้วย หุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ 3.74 บาท บวกไป 0.64 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่า 70 ล้านบาท มันจะเหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ขึ้นถึง 4.50 บาท แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า? วันนี้ต้องตามไปดูกันอย่างใกล้ชิดนะตัวเอง

*เช่นเดียวกับในรายของ TSF หุ้นนักโฆษณาชวนเชื่อ เมื่อหลายปีก่อนเคยขายฝันให้ผู้คนตื่นเต้นอย่างไร วันนี้อาจกลับมาขายฝันเหมือนเดิมอีกก็ได้ เผอิญรอบนี้อาจแตกต่างจากครั้งก่อนอยู่บ้างตรงที่กระแสหุ้นเล็กมาดี บวกกับมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนหุ้นต่ำบาทขึ้นมาเล่นหน้าฉาก “โมนิก้า” ถึงไม่เชื่อว่า ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ในเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนเรื้อรัง! การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 0.29 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท มันแปลกๆ ใช่ไหมค่ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องเม้าท์ถึงหุ้น NEWS พร้อมกันไปเลยทีเดียว หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.26 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 137 ล้านบาท ว่ากันว่า มันเป็นผลมาจากตัวเลขในไตรมาส 2 กระเตื้องขึ้นพอสมควร จึงมีความหวังที่จะได้เห็นอะไรหลายอย่างดีขึ้นตามไปด้วย! ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหน หนูก็ฟังเขาเล่ามาอีกทีหนึ่งนะจ๊ะ

*ป.ล.วันนี้กองทุนกลับมาซื้อหุ้น 5.30 พันล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังขายอยู่เลย มันน่าจะเป็นเพียงเกมดึงหุ้นขึ้นมาขายในราคาสูง เพราะในช่วงหลังๆ นักลงทุนกลุ่มนี้ถนัดเรื่อง “ซื้อๆ ขายๆ” นะจะบอกให้

Back to top button