เดาทางได้ยากเหมือนเดิม

จีนและสหรัฐฯ ได้เริ่มเจรจาการค้ากันใหม่หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ตกลงกันในการประชุมจี 20 เมื่อปลายเดือนมิถุนายน แต่นับจากวันนั้นจนถึงบัดนี้ มีสัญญาณหลาย ๆ อย่างที่ชี้ว่าอีกนานกว่าที่จะได้ข้อตกลง


พลวัตปี 2019 : ฐปนี แก้วแดง

จีนและสหรัฐฯ ได้เริ่มเจรจาการค้ากันใหม่หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ตกลงกันในการประชุมจี 20 เมื่อปลายเดือนมิถุนายน แต่นับจากวันนั้นจนถึงบัดนี้ มีสัญญาณหลาย ๆ อย่างที่ชี้ว่าอีกนานกว่าที่จะได้ข้อตกลง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาบอกเองเมื่อวันอังคารว่า ยังอีกนานกว่าที่จะบรรลุข้อตกลงกับจีนได้ แถมยังงัดคำขู่เดิมออกมาอีกว่า จะเก็บภาษีสินค้าจีนอีก 325,000 ล้านดอลลาร์

ทางฝั่งจีนก็มีการเพิ่มสมาชิกใหม่ให้กับทีมเจรจาโดยมี  จอง ชาน รัฐมนตรีพาณิชย์เพิ่มเข้ามา  จองเคยมีส่วนร่วมในการเจรจาทางโทรศัพท์กับผู้แทนของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา  เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนมองว่าจองเป็นผู้เจรจาสายแข็งที่ไม่ยอมประนีประนอมง่าย ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังจะเล่นไม้แข็ง ไม่ยอมทรัมป์ง่าย ๆ อีกต่อไป

เมื่อดูจากการแสดงความเห็นในสื่อจีนของจองก็เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีแข็งกร้าวในสงครามการค้าครั้งนี้  โดยจากการให้สัมภาษณ์พีเพิล เดลี่ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีพาณิชย์จีนกล่าวว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ได้ยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางการค้าและเศรษฐกิจต่อจีนและละเมิดหลักการขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ซึ่งถือเป็นลัทธิปกป้องการค้า (protectionism) และ ลัทธิเอกภาพนิยม (unilateralism)  “เราจะต้องค้ำจุนจิตวิญญาณแห่งนักรบในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอย่างแน่วแน่เพื่อปกป้องระบบการค้าพหุภาคี”

พัฒนาการเหล่านี้ทำลายความหวังของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ที่หวังว่าจีนและสหรัฐฯ จะหาทางออกกันได้ ในขณะเดียวกันก็มีบางคนมองว่าความคืบหน้ากำลัง “ถอยหลัง”

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันที่จะเจรจาตัวต่อตัวที่แน่นอน แม้สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ จะบอกว่า เขาและผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะไปเจรจาในปักกิ่งหากการเจรจาในสัปดาห์นี้คืบหน้า

ดูเหมือนว่าในขณะนี้สองฝ่ายเห็นต่างกันมากกว่าเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและสงครามการค้าที่ยืดเยื้อยาวนานนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างชัดเจนเมื่อมีการเปิดเผยในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในช่วงไตรมาสสองโตลดลงเหลือ 6.2% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 27 ปี

ทรัมป์อ้างว่า การเติบโตที่ลดลงของจีนเป็นหลักฐานที่ชี้ว่าจีนกำลังแพ้สงครามการค้าโดยในทวิตเตอร์ที่โพสต์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าภาษีสหรัฐฯ มี “ผลกระทบมาก” และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมจีนถึงต้องการทำข้อตกลง

อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน รีบออกมาปฏิเสธความเห็นของทรัมป์ทันควันว่า อัตราการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรกถือว่า “ไม่เลว” และสอดคล้องกับที่ได้คาดการณ์ไว้ และยังบอกว่า เป็นความเข้าใจผิดของสหรัฐฯ ที่บอกว่าเพราะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ดังนั้นจีนจึงหวังที่จะบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ อย่างเร่งด่วน

พัฒนาการที่เกิดขึ้น ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอีกครั้ง ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ปรับตัวลงในวันอังคารและตลาดในเอเชียปรับตัวลงตามเมื่อเปิดตลาดในวันพุธ

เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกคงจะถูกครอบงำด้วยข่าวการเจรจาของจีนและสหรัฐฯ ไปอีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีความคืบหน้าใด ๆ ที่เป็นรูปธรรม  แต่เนื่องจากทั้งจีนและสหรัฐฯ มีศักดิ์ศรีค้ำคออยู่มากและยังมีแรงกดดันจากภายในประเทศไม่น้อย  ทรัมป์และสีจึงไม่น่าจะยอมอ่อนข้อและยอมเพลี่ยงพล้ำโดยง่ายดาย

การเจรจาการค้ารอบใหม่นี้ จึงยังคงมีเดิมพันสูงมากไม่ต่างจากที่ผ่านมา และยังคงเดาทางได้ยากเหมือนเดิมว่าสงครามนี้จะจบลงเช่นไร   แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าจะพ้นจากที่โบราณว่าไว้ “ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ”  ดูได้จากตัวเลขเศรษฐกิจของสิงคโปร์นั่นปะไร

Back to top button