พาราสาวะถี
เป็นผู้นำที่มากับสโลแกนความสุขจริง ๆ สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ใช้อำนาจเผด็จการคสช.ก็ท่องคาถา “คืนความสุขให้กับประชาชน” คืนได้หรือไม่ ปัญหาปากท้องที่กำลังเผชิญกันอยู่เป็นคำตอบได้อย่างดี ล่าสุด หลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก็ประกาศพร้อมแสดงสีหน้าท่าทางว่า “มีความสุขที่สุด” โดยไม่ต้องไปสนใจว่าที่มาแห่งความสุขนั้นได้ด้วยวิธีใด เพียงแค่ขอให้สลัดคราบไคลเผด็จการมาเป็นผู้นำที่ (อ้าง) มาจากประชาชนได้แค่นั้นก็พอ
อรชุน
เป็นผู้นำที่มากับสโลแกนความสุขจริง ๆ สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ใช้อำนาจเผด็จการคสช.ก็ท่องคาถา “คืนความสุขให้กับประชาชน” คืนได้หรือไม่ ปัญหาปากท้องที่กำลังเผชิญกันอยู่เป็นคำตอบได้อย่างดี ล่าสุด หลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก็ประกาศพร้อมแสดงสีหน้าท่าทางว่า “มีความสุขที่สุด” โดยไม่ต้องไปสนใจว่าที่มาแห่งความสุขนั้นได้ด้วยวิธีใด เพียงแค่ขอให้สลัดคราบไคลเผด็จการมาเป็นผู้นำที่ (อ้าง) มาจากประชาชนได้แค่นั้นก็พอ
ป่วยการที่จะไปตั้งข้อสังเกตว่าชอบธรรมหรือไม่ ในเมื่อท่องคาถารัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงให้ส.ว.ลากตั้งที่หัวหน้าเผด็จการตั้งมากับมือโหวตเลือกนายกฯได้ผ่านกระบวนการทำประชามติ เช่นเดียวกันกับบรรดาสารพัดกฎหมายที่ทำคลอดโดยองคาพยพของเผด็จการ ทุกอย่างต้องปล่อยให้สถานการณ์ได้ดำเนินไป รัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ไร้ซึ่งอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ประชาชนไม่ได้ให้เวลายืดยาวและไม่มีใครยอมสยบอยู่ในปลายกระบอกปืนอีกต่อไป
แม้จะมีการทุ่มเถียงกันเรื่องอำนาจของกอ.รมน.เรื่องการเรียกบุคคลไปปรับทัศนคติได้ เป็นกลไกที่ถูกวางไว้ใช้งานของเผด็จการคสช. ซึ่งความจริงมันไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นนี้เท่านั้น ลองมองย้อนไปในเนื้อหาของกฎหมายหลายฉบับรัฐราชการ และบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลาย ต้องเห็นรูปรอยที่จะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีให้กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะ อย่าปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น รอให้ถึงเวลาแล้วจะได้เห็นธาตุแท้หลาย ๆ อย่าง รับรองว่าหางโผล่กันให้พรึ่บ
นอกจากจะได้สัมผัสกับการคืนความสุขในแบบฉบับคสช.แล้ว ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ยังมีเรื่องเราจะทำตามสัญญา (ที่ทำไม่ได้) โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้งและขอเวลาอีกไม่นาน การลากยาวจนประเทศไทยเพิ่งมีการเลือกตั้งและใช้เวลาตั้งรัฐบาลเนิ่นนานเป็นประวัติศาสตร์ วาทกรรมของ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ว่า “เขาอยากอยู่ยาว” เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ถ้าเรือเหล็กรอดถึงฝั่งครบ 4 ปีต่ออีกสมัยตามอำนาจส.ว.ลากตั้งที่จะร่วมโหวตเลือกนายกฯ ในช่วง 5 ปีแรก รวม ๆ ผู้นำเผด็จการจะอยู่ในตำแหน่งถึง 13 ปี
นี่เป็นแค่ตัวเลขกลม ๆ หากอยู่ครบวาระทั้งสองสมัย หลายคนคงรีบดักคอว่าอย่าเพิ่งมองไกลไปถึงขนาดนั้น เอาแค่สมัยแรกนี้ก่อนจะเดินเครื่องกันโดยไม่สะดุดหรือจะเป็นรัฐนาวาตุปัดตุเป๋ยังต้องลุ้นกันอยู่เลย หากมองเช่นนั้น คงมีปัจจัยชี้วัดแบบง่าย ๆไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากคือ ทำให้เศรษฐกิจดี คนจนหายจน เกษตรกรขายพืชผลได้ราคา แรงงานได้รับการขึ้นค่าแรงในตัวเลขที่พึงพอใจ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ขยับตามเงื่อนไขของประชาธิปัตย์พอเป็นพิธี แค่นี้ก็น่าจะอยู่รอด
แหม!ฟังดูเหมือนง่าย อาจจะใช่ถ้ายังใช้อำนาจเผด็จการที่สั่งปิดปากฝ่ายตรวจสอบและคนเคลื่อนไหว แต่พอได้มาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ทุกความเดือดร้อนจะถูกเรียกร้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่าม็อบ เอาแค่ขวบปีแรก ลองมาทายกันเล่น ๆ ว่าจะมีกลุ่มปัญหาความเดือดร้อนกี่พวกที่จะนัดหมายมายื่นหนังสือกันที่ทำเนียบรัฐบาล อาจผสมปนเปกับพวกจัดตั้งมาให้กำลังใจบ้าง แต่ม็อบแห่งความทุกข์ยากน่าจะมีให้เห็นกันถี่ยิบ เพราะเก็บกดกันมาหลายปี
ขณะที่ในสภาพิจารณาจากจังหวะเคลื่อนที่ได้ประลองเชิงกันมาตั้งแต่สภาเปิด ก็เห็นเค้าลางแล้วว่าคงจะซัดกันเละตุ้มเปะ เห็นจากการขยับของพรรคฝ่ายค้านที่อ้างประชาชนเป็นหลังพิง จะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นกันถี่ยิบ นั่นเท่ากับเป็นการเปิดรับเสียงสะท้อนจากภาคประชาชน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตั้งกระทู้ถามคนในรัฐบาล และอาจรวมไปถึงการยื่นญัตติต่างๆ รวมไปถึงเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม ก็คงจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจคนในรัฐบาลด้วย เป้าหมายหลักก็อยู่ที่ตัวผู้นำนั่นเอง
โลกแห่งยุคข้อมูลข่าวสาร วันนี้เล่นกันทั้งทางตรงและโดยอ้อมผ่านโซเซียลมีเดีย เรื่องไหนเท็จก็เป็นกระบวนการตามกฎหมายที่จะไปเล่นงาน แต่ประเด็นไหนที่คนซึ่งตกเป็นข่าวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ตอบคำถามไม่กระจ่าง นั่นก็จะเป็นอีกทางที่ฝ่ายค้านยุคใหม่จะใช้เป็นฐานข้อมูลนำไปสู่การตรวจสอบรัฐบาล เสียงปริ่มน้ำที่เป็นกังวลกันจึงมีความจำเป็นด้วยเหตุนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ว่ารัฐบาลใดสนิมล้วนแต่เกิดจากเนื้อใน ถ้าไม่เปิดแผลจากความกระหายอยากก็คงยากที่จะถูกล้มได้ง่าย ๆ
ในมุมของคนที่เคยเป็นรัฐมนตรีซึ่งไร้การตรวจสอบในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอาจจะท่องคาถาพอแล้วโยมได้ แต่พวกที่มาใหม่ เนื่องจากต้องใช้ต้นทุนไปมหาศาลช่วงของการเลือกตั้ง ไหนจะต้องเลี้ยงดูปูเสื่อบรรดากลุ่ม มุ้งในคาถา จะทำตัวเป็นผู้ทรงศีล ตั้งอยู่ในความพอดี ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม เพราะคำพูดนั้นใครก็ป่าวประกาศได้ ทุกอย่างมันต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ ขณะเดียวกันต้นทุนของตัวผู้นำเองมาจนถึงวันนี้ก็ใช่ว่าจะสูงส่งเหมือนเมื่อคราวก้าวเท้ามายึดอำนาจหมาด ๆ
สแกนดูนโยบายของพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้ ที่ติดลมบนและน่าจะขยับได้ก่อนใครเพื่อนคงเป็นกัญชาเสรีของภูมิใจไทย ความจริงจังของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ได้รับเสียงเชียร์จากทั่วสารทิศ ขอแค่แก้ไขกฎหมายบางอย่างได้เริ่มต้นให้เห็น เท่านี้ที่เคยสัญญาไว้ก็จะคลายล็อกในทันที ส่วนจะได้มากถึงขนาดว่าปลูกกันได้บ้านละ 6 ต้นหรือไม่นั้นค่อยว่ากันอีกที และมีกองหนุนล้นหลามขนาดนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปในระดับหนึ่งแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นภาพของเสี่ยหนูที่ปรากฏการพูดคุยกับ “หมอเลี้ยบ”นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี คนที่ร่วมปลุกปั้นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจนเลื่องลือไปทั่วโลก ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่านโยบายประชานิยมที่ทำให้คนชื่นชอบทักษิณและพรรคนายใหญ่ไม่เสื่อมคลายนั้น คงจะได้รับการต่อยอดในทิศทางที่ดีขึ้น หากไม่ถูกเตะตัดขาจากพวกเดียวกัน ทำแค่สองเรื่องนี้พรรคเสี่ยหนูก็น่าจะอยู่รอดปลอดภัยและรักษาฐานคะแนนที่ได้มาหนนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ที่น่าจะเหนื่อยคงเป็นพรรคเก่าแก่ เพราะหลายนโยบายทับรอยกับพรรคแกนนำไม่ว่าจะเป็นค่าแรง เรื่องการคลอดบุตร แม้ว่าจะตกลงกันได้แต่ไปไม่สุดและส่อไปในทางที่ว่าจะไม่เป็นไปตามสัญญา ยิ่งจะกลายเป็นการลดทอนความนิยมของทั้งสองพรรคลงไปอีก สิ่งสำคัญคือการมีฐานเสียงเดียวกันมันจึงต้องแข่งกันเอาใจ นี่ไงสนิมในเรือเหล็กที่ วิษณุ เครืองาม เป็นห่วง นี่ยังไม่นับรวมพวกเอาเท้าราน้ำ ภาพจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ รับรองอีกไม่นานได้เห็นกัน