สังคมข่าวหุ้น
*จับตาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
เกียรติก้อง ว่องไวยากร
*จับตาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
*นักลงทุนรอฟังแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลหลังแถลงนโยบายเสร็จ และยังมีปัจจัยภายนอกเรื่องของการประชุมเฟดวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ คาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยแค่ 0.25% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้สถาบันเทขายดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดร่วง ปิดตลาดที่ 1,727.58 จุด ลดลง 7.52 จุด ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่อง แนวรับ 1,710 จุด แนวต้าน 1,735 จุด
*งบแบงก์ทหารไทยของเฮียปิติ ไตรมาส 2 ออกมาดีเกินคาด กำไรโตกว่า 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน นี่ยังไม่ทันจะควบรวมกับธนชาตเลยนะ ถ้าดีลเสร็จจะเห็นโตแรงกว่านี้อีก ส่วน TCAP รอปลดล็อกหลังดีลควบรวมจบ งานนี้มีเงินเหลือจากการขายแบงก์ธนชาต ติดมือหลักหมื่นล้าน นักวิเคราะห์ประเมินอาจนำมาจ่ายปันผลพิเศษ ล่าสุดประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต ออกมาสยบแรงต่อต้านภายในองค์กร ยืนยันจะไม่มีการปลดพนักงานหลังควบรวมกับธนาคารทหารไทยแล้ว แนะนำทยอยซื้อ ราคาเป้าหมาย 63 บาท
*KTB ของเสี่ยผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ น่าจับตา จากผลประกอบการดีกว่าตลาดฯ แนวโน้มรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรที่ดีขึ้น และยังมีลุ้นไตรมาสที่ 3 จะได้เงินจากการขายที่ดิน AQ อีก หรือถ้าอย่างช้า ก็ไตรมาสที่ 4 มูลค่าหุ้นที่ยังถูก โดยมีค่า P/BV 0.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ ที่ 1.2 เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 4% งานนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ซื้อ ราคาเป้าหมาย 21-22 บาท
*MINT ของวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล น่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการกระตุ้นบริโภคภาคครัวเรือนที่ซบเซาอยู่ในขณะนี้ ราคาเป้าหมาย 47 บาท
*TKN หรือเถ้าแก่น้อย ของอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเด้งแรงติดต่อมาหลายวัน แม้นักวิเคราะห์มองว่ากำไรไตรมาสที่ 2 จะยังไม่ดีนัก แต่เห็นแววมาร์จิ้นฟื้นตัว คาดว่ากำไรจะดีขึ้นมากในครึ่งปีหลัง จากต้นทุนวัตถุดิบลดลง ขณะที่ราคายังมีโอกาสขยับขึ้นอีกมากกว่า 10 บาท
*BEM ของปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ ราคาขึ้น ๆ ลง ๆ ตามกระแสข่าว แม้วานนี้จะร่วงเพราะกังวลเรื่องของการเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย จากไอเดีย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ในส่วนค่าโง่ ก็ยังย้ำว่าจะยึดตามคำสั่งศาล ดังนั้นโอกาสที่เอกชนจะได้รับการชดเชยก็มีมาก เพียงแต่จะออกมาในรูปแบบไหนเท่านั้น ทั้งรูปของการขยายสัมปทาน หรือมีข้อเสนออย่างอื่นพ่วงมาอีก ต้องคอยติดตามกันต่อไป
*BEC ของตระกูลมาลีนนท์ คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากต้นทุนจะลดลง จากการคืนช่อง 2 ช่อง โดยกสทช.พิจารณาเงินชดเชยเบื้องต้น ช่อง 3 Family จำนวน 162.54 ล้านบาท และช่อง 3 SD จำนวน 680.08 ล้านบาท รวมกว่า 842.62 ล้านบาท ส่วนราคาขณะนี้แม้จะเกินราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ไว้แถว 10 บาทแล้ว แต่โอกาสที่จะถูกปรับเพิ่มราคามีสูง
*หุ้นส่งออกน่าสนใจ หลังแบงก์ชาติสกัดเก็งกำไร ค่าบาทพลิกมาอ่อนค่า หุ้นกลุ่มส่งออกและอาหาร จึงเป็นเป้าหมายของการเก็งกำไร แม้ว่าล่าสุดตัวเลขส่งออกจะยังคงติดลบอยู่ แต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นบวก และถ้าแบงก์ชาติสะกดบาทไม่ให้แข็ง กลุ่มนี้ก็น่าสนใจทั้ง HANA, KCE ของพิธาน องค์โฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการเคซีอี อีเลคโทรนิคส์ CPF ของตระกูลเจียรวนนท์, GFPT ของอนันต์ ศิริมงคลเกษม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอฟพีที และ TU ของธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
*หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม คาดว่าจะได้รับผลเชิงบวกจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐบาล ที่กำลังจะออกมาเร็ว ๆ นี้ จูงใจทั้งเรื่องของภาษีและการหักค่าลดหย่อน ตัวที่เด่นกลุ่มนี้ ERW ของเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เป้าหมาย 9 บาท รวมทั้ง CENTEL ของสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา เป้าหมายราคา 52 บาท
*KTC ของระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บัตรกรุงไทย เริ่มถูกปรับลดเป้าหมายราคาลง หลังจากผิดหวังผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 15% จากการตั้งสำรองหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นเป็น 624% จากเดิม 605% นั้น ผู้บริหารย่อมเห็นอะไรจึงทำเช่นนั้น เพราะถ้าดูกันแล้ว สำรองเดิมก็สูงมากจนล้น หรือว่าจะเกี่ยวกับธุรกิจใหม่นาโนไฟแนนซ์และพิโกไฟแนนซ์ ที่ถือว่าเป็นธุรกิจมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง จึงมีการตั้งสำรองเผื่อไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า
*KTAM ของนางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เสนอขายครั้งแรก ไอพีโอกองทุนเปิดกรุงไทย เวลท์ แคร์ ฟันด์ (KT-Care) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 เน้นลงทุนหุ้นในประเทศ ตราสารหนี้ เงินฝาก ตลอดจนสินทรัพย์อื่น ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ของกองทุน KT-Care อยู่ที่ 5.37% 1 ปี อยู่ที่ 3.79% 3 ปี อยู่ที่ 5.38% 5 ปี อยู่ที่ 2.32% และ 10 ปี อยู่ที่ 5.97% เมื่อเทียบกับ Benchmark YTD อยู่ที่ 3.72% 1 ปี อยู่ที่ 3.23% 3 ปี อยู่ที่ 4.20% 5 ปี อยู่ที่ 2.75% และ 10 ปี อยู่ที่ 5.27%