จุดเปลี่ยนไปรษณีย์ไทย

อิทธิพลจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นำไปสู่การขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์อย่างรวดเร็ว จนเกิดแรงปะทะทางการตลาดระหว่างผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express), เอสซีจี เอ็กซ์เพรส (SCG Express) นิ่มซี่เส็ง, ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส (DHL Express) หรือแม้แต่เจ้าพ่อคอนวีเนียนสโตร์อย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ก็ลงมาเล่นธุรกิจนี้ในนาม SPEED-D เช่นกัน


พลวัตปี 2019 : สุภชัย ปกป้อง

อิทธิพลจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นำไปสู่การขยายตัวของธุรกิจโลจิสติกส์อย่างรวดเร็ว จนเกิดแรงปะทะทางการตลาดระหว่างผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express), เอสซีจี เอ็กซ์เพรส (SCG Express) นิ่มซี่เส็ง, ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส (DHL Express) หรือแม้แต่เจ้าพ่อคอนวีเนียนสโตร์อย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ก็ลงมาเล่นธุรกิจนี้ในนาม SPEED-D เช่นกัน

ด้วยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น..ทำให้เจ้าตลาดเดิมอย่างบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เกิดอาการสั่นคลอนไม่น้อยทีเดียว จากตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ..กล่าวคือจากเดิมมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 90% ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 40-50%

จึงทำให้ “ไปรษณีย์ไทย” แม้เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้มุ่งเน้นแสวงหากำไร ต้องปรับตัวเพื่อตั้งรับกับพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..!!?

เริ่มจากการจัดตั้งศูนย์ไปรษณีย์ควบคุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังได้รับอนุมัติจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ให้ดำเนินการขนส่งพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศได้แล้วด้วยงบลงทุน 60 ล้านบาท เพื่อทำให้ไปรษณีย์ไทยสามารถให้บริการจัดส่งพัสดุไปรษณีย์ได้ภายในวันเดียวหรืออย่างช้าภายในวันถัดไป

พร้อมขยายศูนย์การไปรษณีย์ควบคุมอีก 5 สนามบิน นั่นคือสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงราย และอุดรธานี เพื่อใช้เป็นศูนย์จัดส่งพัสดุไปรษณีย์ทั่วประเทศภายในวันเดียว และส่งต่อไปภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเอเชียในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ด้วยการส่งออกจากสนามบินนานาชาติแต่ละภูมิภาค ที่มีเที่ยวบินไปต่างประเทศได้เลย จากก่อนหน้าที่ต้องขนส่งมาลงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเดียว มีเป้าหมายสร้างรายได้ปีละ 30 ล้านบาท

ตามมาด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพบริการ ด้วยมูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการบริการ การขยายศูนย์ไปรษณีย์ การปรับรูปลักษณ์ใหม่ การจัดซื้อที่ดินรองรับกับการขยายที่ทำการและลงทุนพัฒนาระบบไอที เทคโน โลยี รวมถึงการทำตลาดต่าง ๆ

การเพิ่มบริการใหม่ Flexible Delivery-IBOX คือ บริการจัดส่งไปรษณีย์ตามลูกค้าแจ้งที่ใดก็ได้ ปัจจุบันให้บริการกับลูกค้ารายใหญ่ ปีหน้าจะเพิ่มบริการสำหรับรายย่อยด้วย การบริการตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (IBOX) ให้ลูกค้ารับพัสดุไปรษณีย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นตู้อัจฉริยะอำนวยความสะดวก หลังจากที่ทำการไปรษณีย์ปิดให้บริการแล้ว

พร้อมเสริมบริการต่าง ๆ อาทิ การเก็บเงินปลายทาง และนำส่งเข้าระบบ e-Wallet เพื่อให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ บริหารเงินใน e-Wallet ได้ทันที

อีกไฮไลต์สำคัญคือแคมเปญ “ไปรษณีย์ไทย..ดี๊ดี” เพื่อขยายฐานลูกค้า Gen X-Z เข้ามาทำธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ต้องมีการส่งสินค้า แต่อาจไม่รู้จักไปรษณีย์ไทยดีพอ หรืออาจรู้จักแต่ไม่รู้ว่ามีบริการอะไรบ้าง แคมเปญ “ไปรษณีย์ไทย..ดี๊ดี” จึงตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และขยายฐานมากขึ้น

จึงเป็นตัวอย่างหรือบทเรียนสำหรับ “รัฐวิสาหกิจคร่ำครึ” อีกหลายแห่งที่ไม่ยอมรับหรือทันเกมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

Back to top button