สังคมข่าวหุ้น

คาเฟอีน

*วานนี้ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน แต่อยู่ในกรอบค่อนข้างแคบ เพราะเฝ้ารอดูปัจจัยใหม่ และการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่าจะมีอะไรพิเศษหรือไม่ และระหว่างเขียนต้นฉบับ ยังไม่ทราบว่าธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB มีมติเคาะลดอัตราดอกเบี้ยหรือเปล่า และหากยังไม่ลดรอบนี้ ก็คาดกันว่าจะไปลดในช่วงเดือนกันยายนนี้แน่นอน

*บัตรกรุงไทย หรือ KTC ของคุณหมอระเฑียร ศรีมงคล ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาร้อนแรง เพราะเก็งว่าการประกาศหุ้นเข้า-ออก MSCI รอบระหว่างกาล ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ อาจมีชื่อ KTC เข้าคำนวณในรอบนี้ หลังจากที่มีกระแสว่าจะเข้ามาหลายรอบแล้ว โดย MSCI รอบล่าสุด ปรับเพิ่มน้ำหนักของตลาดหุ้นไทย 28 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการเข้ามาของเงิน Passive Fund ที่ลงทุนตาม MSCI วันนั้น กว่า 1 แสนล้านบาท ส่วนเรื่องของใบอนุญาตประกอบการนาโนไฟแนนซ์และพิโกไฟแนนซ์ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติเร็ว ๆ นี้

*ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO ราคาหุ้นขึ้นมาทำสถิติสูงสุด 103 บาท ก่อนจะปิดที่ 102.50 บาท หรือยืนเหนือ 100 บาท ได้อย่างสวยงาม หลังจากหุ้นตกเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ จากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แนวโน้มกำไรเติบโตดี และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลยังสูงกว่า 7-8% ล่าสุดหลายโบรกฯ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นมาบริเวณ 106-108 บาทต่อหุ้น ส่วนราคาที่ขึ้นมาถือว่าใกล้กับพื้นฐานแล้วล่ะ ราคาหุ้นจึงน่าจะวนเวียนอยู่บริเวณ 101-105 บาทต่อหุ้น เล่นรอบกันไป

*JAS ของพิชญ์ โพธารามิก วอลุ่มการซื้อขายยังหนาแน่น แต่ราคายังเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด เพราะนักลงทุนต่างเฝ้ารอดูว่า ประเด็นข่าวการขายหุ้นออกมาของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ใน JAS นั้น ตกลงแล้วจะซื้อขายกันที่ราคาเท่าไหร่กันแน่ รูปแบบการซื้อขายจะเป็นอย่างไร เช่น การร่วมทุน หรือเทกโอเวอร์กิจการ แต่ไม่ว่าข้อมูลในขณะนี้จะเป็นอย่างไร ยืนยันไว้เลยว่า ในปีนี้จะมีการปิดดีลการซื้อขายหุ้นอย่างแน่นอน

*วันนี้ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM ผู้นำในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจร เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ ราคาไอพีโอ 22 บาท มีบล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายทั้ง 3 แห่ง บล.ไทยพาณิชย์ บล.โนมูระ พัฒนสิน และบล.เอเซีย พลัส ดูจากพื้นฐาน และโบรกฯ ที่เข้ามาช่วยทำธุรกรรมแล้ว ไว้ใจ (เรื่องราคา) ได้แน่นอน

*ชัดเจนแล้ว บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) แจ้งว่า กรมธนารักษ์ปรับเงื่อนไขเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูมิภาค ประกอบด้วย ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย และท่าอากาศยานหาดใหญ่ จากบริษัทตั้งแต่ปี 2560-2575 ในอัตราร้อยละ 5.5 ของประมาณการรายได้ที่ทอท.เสนอ จากเดิมท่าอากาศยานดอนเมืองเก็บอัตราร้อยละ 5 และท่าอากาศยานภูมิภาคเก็บร้อยละ 2 ของรายได้ทั้งหมด หรือสรุปแล้ว AOT จะต้องชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุของท่าอากาศยานดอนเมืองและสนามบินภูมิภาค ตั้งแต่ปี 2560-2561 เป็นเงิน 2,447.92 ล้านบาท เพิ่มจากที่จ่ายไว้เดิม เป็นเงิน 242.83 ล้านบาท และในปี 2562 อาจต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินประมาณ 1,444.30 ล้านบาท เพิ่มเติมจากที่ประมาณการไว้เดิม 1,282.82 ล้านบาท