ไล่ทุบทีละตัว
*หากประเมินสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแบบวันต่อวัน “โมนิก้า” ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงในการเล่นหุ้นเที่ยวนี้มีมากจริง ๆ เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ตอบรับข่าวดีอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้การทะยานขึ้นเที่ยวนี้ไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ ผนวกกับรูปแบบการเคาะซื้อของนักเล่นกลุ่มสถาบันยังเป็นเพียงการเรียกแขกช่วงสั้น ๆ จึงกลายเป็นเกม “ชิงไหว ชิงพริบ” ไปเสียฉิบแบบนี้..มันไม่เวิร์กเลยจริง ๆ นะตัวเอง
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากประเมินสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแบบวันต่อวัน “โมนิก้า” ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงในการเล่นหุ้นเที่ยวนี้มีมากจริง ๆ เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ตอบรับข่าวดีอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้การทะยานขึ้นเที่ยวนี้ไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ ผนวกกับรูปแบบการเคาะซื้อของนักเล่นกลุ่มสถาบันยังเป็นเพียงการเรียกแขกช่วงสั้น ๆ จึงกลายเป็นเกม “ชิงไหว ชิงพริบ” ไปเสียฉิบแบบนี้..มันไม่เวิร์กเลยจริง ๆ นะตัวเอง
*ฉะนั้นการยื้อไปมาของแรงซื้อแรงขายที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ น่าจะเป็นเพียงการประวิงเวลาเหมือนที่เม้าท์ให้ฟังก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ถึงมีอาการหนักใจเมื่อเห็นดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,699.75 จุด ลบไป 12.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.46 หมื่นล้านบาท เพราะมันสุ่มเสี่ยงกับการไหลลงยาวมากเหลือเกิน ผนวกกับสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้มีแต่ผู้คนตั้งคำถามเยอะแยะไปหมด จึงมองไม่เห็นหนทางที่หุ้นจะแรลลี่ยาวเลยพับผ่าสิ !
*วันนี้ถึงต้องถามคนเล่นหุ้นพันธ์ุแท้มีความคิดเห็นอย่างไร ? และมองเรื่องเฟดลดดอกเบี้ยไม่มีเอฟเฟ็กต์ทางบวกเลยหรือ ? หรือแม้กระทั่งนิยามโบราณที่ท่องกันมาตั้งแต่ในอดีตเกี่ยวกับ “ดอกเบี้ยลง..หุ้นต้องขึ้น” มันกลายเป็นเรื่องเอาต์ไปเสียแล้ว “โมนิก้า” ถึงต้องมานั่งทบทวนว่าการลงหนักของหุ้นแต่ละตัวเกิดจากอะไรกันแน่ และผู้หยั่งรู้ฟ้าดินก็ให้คำตอบกลับมาว่า บล็อกเทรดไล่ทุบหุ้นทีละตัวนะจะบอกให้
*โดยเฉพาะในรายของหุ้นฮอตฮิตอย่าง PTG โดนถล่มขายแบบไม่ให้โงหัวขึ้นแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจมากพอสมควรว่า พื้นฐานของหุ้นยังดีเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือ บล็อกเทรดหันมาสาดทิ้งไม่ยั้ง วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นในกระดานร่วงลงมาปิดที่ 19.40 บาท ลบไป 3.10 บาท หรือลงไป 13.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.63 พันล้านบาท อย่างรวดเร็ว และมีสิทธิไหลลงต่อนะจ๊ะ
*เหมือนกับในรายของเถ้าแก่น้อย TKN อุตส่าห์เต้าข่าวดีลธุรกิจไปได้สวยมาพักใหญ่ (แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ด) แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นว่า การขึ้นของหุ้นมาจากการเล่นรอบธรรมดา ๆ ไม่ได้มีนัยสำคัญเหมือนที่มีการร่ำลือ แถมการจบรอบเที่ยวนี้อยู่ที่บริเวณ 11.50 บาท เหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า การร่วงลงมาปิดที่ 10.40 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 366 ล้านบาท ยังไม่ใช่จุดต่ำสุดที่จะทำให้หุ้นเด้งกลับเจ้าค่ะ
*ผิดกับกรณีของ JMT ถูกขายหนักจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ ทั้งที่ผลงานโตวันโตคืนอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นโอกาสของการลงทุนมากกว่าอุปสรรคในการเข้าเล่น ถึงกล้าแนะนำให้ทยอยเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัวลงมา แถมเมื่อชำเลืองดูราคาเป้าหมายที่กูรูสำนักต่าง ๆ ให้ไว้บริเวณ 22 บาท จึงเหมือนเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่า การลงมาปิดที่ 17.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 7.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 285 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เล่นอีกเยอะเลยทีเดียวนะนายจ๋า !
*อีกรายที่น่าเห็นใจสุด ๆ “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปยัง TRUE เป็นรายถัดไปในทันที เพราะดันโดนลูกหลงกับเขาแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แถมการฟื้นตัวในแต่ละเที่ยวก็กินเวลาไปพักใหญ่ ๆ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับลองพิจารณาการอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ 6.25 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.16 พันล้านบาท แถมเป็นการเทรดบนค่า P/E 24 เท่า มันเหมาะต่อการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตหรือเปล่า ?
*ส่วนในรายของหุ้น PLANB พอถึงบทเลิกเล่นขึ้นมาปุบปับ บรรดาผู้เล่นก็พากันเทขายหุ้นทิ้งอุตลุด จนราคาหุ้นทรุดตัวลงมากองอยู่ที่ระดับ 8.15 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท พร้อมกับหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 8.25 บาท ลงมาอย่างง่ายดาย “โมนิก้า” ย่อมมองถึงความเป็นไปได้ที่หุ้นจะม้วนตัวลงมายังแนวรับ 7.50 บาท ในทันที เพราะทรงหุ้นมาโทนนี้จริง ๆ น่ะซี
*คล้ายกับกรณีของ AUCT จู่ ๆ โดนเทขายทิ้งแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จนหุ้นไหลลงมากองอยู่ที่ 6.65 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก ๆ และกลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้หุ้นต้องยืนเหนือระดับ 6.50 บาท ให้ได้นานสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากไหลลงไปต่ำกว่าระดับดังกล่าว มันหมายถึงม้วนเสื่อกลับบ้านเก่ายาวเลยนะคะ
*สำหรับรายที่เทรดบนค่าพี/อีค่อนข้างสูงอย่าง CHG อาจเป็นกรณียกเว้นสำหรับการทิ้งตัวลงหนัก เพราะการเล่นเที่ยวนี้อยู่บนความคาดหวังกำไรโตต่อเนื่อง ผนวกกับมีเจ้ามือคอยดูแลเป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นยืนปิดที่ 2.30 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 42 เท่า โดยไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้นแบบนี้..มีลุ้นตีกลับขึ้นไปใหม่นะจ๊ะ