TFI ล้มบนฟูก..!?
น่าหนักใจกับกรณีที่บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TFI ประกาศหยุดผลิตทั้งหมดชั่วคราว และเลิกจ้างพนักงาน 30% ซะจริง !!
สำนักข่าวรัชดา
น่าหนักใจกับกรณีที่บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TFI ประกาศหยุดผลิตทั้งหมดชั่วคราว และเลิกจ้างพนักงาน 30% ซะจริง !!
เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ของ TFI ไม่ค่อยสู้ดีนัก…
ทำให้ความหวังของผู้ถือหุ้นรายย่อย 2,179 คน ที่อยากจะเห็น TFI กลับมาเติบโตอีกครั้งดูริบหรี่ลงเรื่อย ๆ…
ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา TFI เผชิญกับปัญหารอบด้าน ตั้งแต่ปัญหาการแจ้งงบที่ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงิน จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ แขวนป้าย SP และ NP
ปัจจุบันยังถูกขึ้นเครื่องหมาย C เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้วอีกด้วย
ขณะที่ผลประกอบการก็ย่ำแย่…ขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี
โดยปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 132 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,940 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 264 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,740 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 104 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,609 ล้านบาท
ล่าสุดไตรมาส 1/62 ขาดทุนสุทธิ 26 ล้านบาท จากรายได้รวม 343 ล้านบาท
หันไปดูราคาหุ้นก็ไม่วิ่งไปไหน ยังคงคอนเซ็ปต์ต่ำกว่าบาทเสมอต้นเสมอปลาย มิหนำซ้ำช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคารูดหนักปรับลดลงไปแล้ว 47.62%
จนทุกวันนี้เกือบกลายสภาพเป็นหุ้นเน่าไปแล้ว…
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปอีก…เมื่อ TFI ประกาศหยุดผลิตทั้งหมดชั่วคราว 6 เดือน ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. 62 เป็นต้นไป
พร้อมเลิกจ้างพนักงาน 30% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด โดยจ่ายชดเชยตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 62
เพื่อปรับปรุงสายการผลิตและพัฒนาการผลิตฟิล์ม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน เนื่องจากอะไหล่เครื่องจักรบางรายการต้องสั่งทำจากต่างประเทศ โดยบริษัทจะทำการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่สามารถเริ่มผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพบางสายการผลิตก่อน และขยายไปสายการผลิตต่อไปเป็นลำดับ
แต่…ยังไม่มีอะไรยืนยันได้ว่า TFI จะกลับมาผลิตได้จริงตามที่ระบุหรือไม่ ??
ล่าสุดยังถูกคู่ค้าต่างประเทศฟ้องล้มละลาย กรณีไม่ชำระค่าวัตถุดิบเม็ดพลาสติกมูลค่า 84 ล้านบาท
โดยศาลล้มละลายกลางนัดพิจารณาวันที่ 30 ก.ย. 62 นี้
จึงน่าจับตาว่า ศาลจะสั่งให้ TFI เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการหรือไม่ ??
หากศาลมีคำสั่งให้ TFI เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการจริง…ก็จะเป็นเรื่องของเจ้าหนี้กับตัวบริษัท
ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับตัวผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ TFI (กลุ่มมหากิจศิริ) แต่อย่างใด
ที่น่าสนใจ…งานนี้จะเป็นการล้มบนฟูกหรือไม่ ??
เหมือนกรณีวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ที่หลาย ๆ บริษัทก็มีลักษณะของการล้มบนฟูกซะเป็นส่วนใหญ่
ทรัพย์สินของบริษัทจะถูกตีมูลค่า เพื่อนำเงินไปชำระหนี้
ขณะที่พนักงานถูกลอยแพ…ต้องก้มหน้ารับสภาพตกงานกันไป
ส่วนผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่นั้นรอดตัว…
อาจมีชื่อติดแบล็กลิสต์แค่ 2-3 ปี หลังจากนั้นก็จะกลับมาทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม
เกรงว่ากรณี TFI จะเดินซ้ำรอยอีก…
หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นนะ…
…อิ อิ อิ…