หนีตาย !
*วันนี้ “โมนิก้า” ขอพูดตามตรงว่า การดำรงอยู่ของดัชนีไทยต้องขึ้นอยู่กับผลงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ปังแค่ไหน ? เพราะเป็นข้อมูลที่ทำให้นักลงทุนพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ชัดขึ้น รวมทั้งปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกในเวลานี้ กำลังกลายเป็นตัวฉุดรั้งความมั่นใจในการซื้อหุ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสำหรับการยืนระยะของตลาดหุ้นไทยนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้ “โมนิก้า” ขอพูดตามตรงว่า การดำรงอยู่ของดัชนีไทยต้องขึ้นอยู่กับผลงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ปังแค่ไหน ? เพราะเป็นข้อมูลที่ทำให้นักลงทุนพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ชัดขึ้น รวมทั้งปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกในเวลานี้ กำลังกลายเป็นตัวฉุดรั้งความมั่นใจในการซื้อหุ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสำหรับการยืนระยะของตลาดหุ้นไทยนะจะบอกให้
*เมื่อตัวแปรหลายอย่างไม่เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้การขายหุ้นทิ้งเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน จึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีสุดของนักเล่นกลุ่มสถาบัน “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,665.99 จุด ลบไป 18.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.84 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นการป้องกันไม่ให้พอร์ตลงทุนของตัวเองเสียหายหนักไปกว่าเดิมไงล่ะคะ
*เนื่องจากเมื่อดูข้อพิพาทระหว่าง “สหรัฐฯ” กับ “จีน” รวมทั้งเกาเหลาชามโตระหว่าง “เกาหลี” กับ “ญี่ปุ่น” ผนวกกับปัญหาการเมืองในประเทศของ “ฮ่องกง” จนนำไปสู่การยกเลิกเที่ยวบินไม่ต่ำกว่า 200 เที่ยว หรือแม้กระทั่งตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ยังง่อนแง่น ล้วนเป็นตัวเชื่อมโยงที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันไปถือเงินสดเยอะขึ้นกว่าเดิม และพยายามตัดขายหุ้นบางส่วนออกไปก่อนพะยะค่ะ
*โดนหนักกว่าใครเพื่อนในเที่ยวนี้ต้องยกให้ AOT ไปเลยเต็ม ๆ เพราะราคาหุ้นไหลลงมาแบบไม่มีดิสก์เบรก จนทะลุแนวรับสำคัญครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังไม่มีทีท่าจะฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญเสียที “โมนิก้า” ย่อมมีอาการหนักใจเป็นธรรมดา เพราะเห็นหุ้นตัวโปรดของตัวเองโดนปู้ยี่ปู้ยำหนักเหลือเกิน เดี๊ยนถึงอยากถามแฟนคลับว่า การลงมาปิดที่ 69.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.48 พันล้านบาท แพงเกินไปจริงหรือ ?
*เหมือนกับในรายของ EA ต่อให้ถามอีกกี่พันครั้ง “โมนิก้า” ยังตอบเหมือนเดิมว่า “ซื้อได้” ทุกครั้งไป เพราะเมื่อมองดูจากตัวเลขกำไรที่เป็นไปตามเป้าทุกไตรมาส แวลูของหุ้นก็ควรจะสูงขึ้นอัตโนมัติ เดี๊ยนถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 51.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 601 ล้านบาท คือโอกาสทองสำหรับคนที่มีสายป่านยาว หลังราคาเหมาะสมที่กูรูหลายสำนักมองไว้อยู่แถว 60 บาทอัพเจ้าค่ะ
*ส่วนรายที่โอเวอร์รีแอ็กของจริง “โมนิก้า” ขอยกตำแหน่งดังกล่าวให้กับ CBG ทะยานสวนภาวะการลงทุนแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 77.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 566 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งซิกให้บรรดานักเล่นได้รู้ว่า ผลงานไตรมาส 2 ออกมาสวยระเบิดระเบ้อแน่ ๆ บรรดานกรู้ถึงกระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิงนะจะบอกให้