หุ้นโรงหมอ เหมือนดี แต่ไม่เด่น

ถูกคาดหวังจากตลาดว่าไตรมาส 2/62 จะเป็นไตรมาสที่ดีของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็ก...


สำนักข่าวรัชดา

ถูกคาดหวังจากตลาดว่าไตรมาส 2/62 จะเป็นไตรมาสที่ดีของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็ก

นั่นเป็นเพราะเมื่อเข้าสู่หน้าฝน อากาศเปลี่ยน คนก็จะไม่สบายมากขึ้น ก็ต้องไปโรงพยาบาล

ช่วงหน้าฝนจึงถือเป็นไฮซีซั่นของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีลูกค้าหลักเป็นคนไทย

แต่ปรากฏว่า งบไตรมาส 2/62 ที่ประกาศออกมากลับน่าผิดหวัง เพราะเหมือนจะดี…แต่ไม่เด่น !!

ทำให้ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของผู้ถือหุ้นที่ตั้งความหวังไว้สูง..!

ประเดิมด้วยบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH มีกำไรสุทธิ 243.90 ล้านบาท ลดลง 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท

และมีรายได้รวม 2,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,945.20 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ผู้ป่วยทั่วไป 1,384.20 ล้านบาท และรายได้จากประกันสังคม 752.80 ล้านบาท

ฟากบริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH นี่ยิ่งเลวร้าย พลิกมาขาดทุนสุทธิ 9.33 ล้านบาท ลดลง 283% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.10 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนในการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 46.5% อยู่ที่ 145.14 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 4,671.1% มาอยู่ที่ 1.81 ล้านบาท

ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 168.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 135.14 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเปิดให้บริการโรงพยาบาลแห่งใหม่

กลายเป็นหุ้นโรงหมออีกหนึ่งตัวที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน…

หันไปดูบริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ทำได้เพียงแค่มีกำไรสุทธิ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท และมีรายได้รวม 386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 360 ล้านบาท

ด้านบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG กำไรสุทธิลดฮวบ 31% เหลือ 122.82 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 177.96 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,186.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,046.76 ล้านบาท

ผู้ถือหุ้นรายย่อย CHG 17,795 ราย คงรู้สึกเซ็งไปตาม ๆ กัน

บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH มีกำไรสุทธิ 48.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 43.96 ล้านบาท และมีรายได้รวม 422.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 383.47 ล้านบาท

ส่วนบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG มีกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท

ผิวเผินดูเหมือนดี…แต่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาจากกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนระยะยาว 222 ล้านบาท ซึ่งถ้าหักส่วนนี้ออกไปจะเหลือกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เท่านั้น

ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 2,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,675 ล้านบาท

ถ้าวิเคราะห์ไส้ในงบแต่ละบริษัท จะพบว่า ส่วนใหญ่มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น แต่จะติดกับดักของต้นทุน

ฉุดให้กำไรขั้นต้นลดลง ทำให้ผลงานที่ออกมาไม่ค่อยน่าภิรมย์มากนัก…

ส่วนที่พอกู้หน้าได้เห็นจะเป็นบริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ที่มีกำไรสุทธิ 38.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.33 ล้านบาท และมีรายได้รวม 218.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 145.52 ล้านบาท

ทำให้สถานการณ์หุ้นโรงหมอแม้ไม่ถึงขั้นต้องนอนห้องไอซียู…แต่ก็จำเป็นต้องนอนห้องพักฟื้นไปพลาง ๆ ก่อน

ก็ต้องลุ้นกันอีกช็อตในไตรมาส 3/62 ว่า บรรดาหุ้นโรงหมอจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน ??

ถ้าผลงานออกมาดี นักลงทุนคงโล่งใจ แต่ถ้าแย่อีก…ก็ตัวใครตัวมันละกัน

…อิ อิ อิ…

Back to top button