หุ้นแบงก์ถล่ม
ตลาดหุ้นก็คล้ายกับอารมณ์ของผู้หญิงนั่นแหละ
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
ตลาดหุ้นก็คล้ายกับอารมณ์ของผู้หญิงนั่นแหละ
คาดการณ์ได้ถูกยากมาก ๆ
อย่างเช่นเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นทั่วเอเชียเป็นบวก ขานรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เลื่อนเก็บภาษีจากจีน
ทำให้มองว่า วานนี้หุ้นไทยน่าจะสดใสแน่นอน
ที่ไหนได้ หลังจากเปิดตลาดภาคเช้า ดัชนีวิ่งขึ้นมาสวยงาม บวกขึ้นไปสูงสุด 1,640.92 จุด ก่อนจะลงมาปิดลบ 0.78 จุด มาที่ 1,619.45 จุด หลุดแนวรับสำคัญ 1,620 จุด เฉยเลย
นักลงทุนหลายคนถึงกับกุมขมับ
เดินเข้าห้องน้ำเพียงชั่วครู่ กลับมาดูหน้าจออีกครั้ง หุ้นดำดิ่งลงเหวซะแล้ว
จะว่าไปแล้ว ตลาดหุ้นเอเชียต่างเปิดกระโดดเช่นกันในช่วงภาคเช้า
แล้วมาลดช่วงบวกในภาคบ่าย
ส่วนของตลาดหุ้นไทย ภาคบ่ายลดช่วงบวกเช่นกัน แต่ที่ลงหนัก ๆ และมาปิดลบสวนชาวบ้านเขา ก็มาจากหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถูกถล่มขายออกมา และเป็นปัจจัยลบหลัก ที่ทำให้หุ้นปิดลบ
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ต่างดีดลูกคิดกันออกมาแล้ว
โดยระบุว่า หลัง ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% มาอยู่ที่ 1.50%
แน่นอนว่าจะทำให้แบงก์พาณิชย์ ต่างต้องทบทวนเรื่องการปรับดอกเบี้ยเช่นกัน
และมีโอกาสสูงมากที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับเคาะราคาหุ้นแบงก์ว่า จริง ๆ แล้ว ราคา ณ ปัจจุบัน(ก่อนเมื่อวานนี้ 14 ส.ค.) ราคาหุ้นตอบรับกับปัจจัยดอกเบี้ยไปแล้ว
ทว่า พอถึงเวลาที่แบงก์ลดดอกเบี้ยขึ้นมาจริง ๆ
นักลงทุนต่างแพนิก เทขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมากันเพิ่ม โดยเฉพาะ หุ้น 4 แบงก์ใหญ่
นั่นคือ KBANK BBL KTB และ SCB
KBANK (มาร์เก็ตแคป 392,494 ล้านบาท) ราคาปิด 155.00 บาท ลดลง 9.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -2.0848 จุด
SCB (มาร์เก็ตแคป 436,328 ล้านบาท) ปิดระดับ 123.50 บาท ลดลง 5.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -1.6433 จุด
BBL (มาร์เก็ตแคป 326,412 ล้านบาท) ปิดระดับ 165.00 บาท ลดลง 6.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -1.1085 จุด
และ KTB (มาร์เก็ตแคป 251,569 ล้านบาท) ปิดที่ระดับ 17.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
แบงก์ทั้ง 4 แห่ง มีมาร์เก็ตแคปรวมกันกว่า 1.40 ล้านบาท
เมื่อพร้อมใจกันลงแบบนี้ ทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นร่วงลงอย่างแน่นอน และแม้หุ้น PTT และ AOT จะปิดตลาดบวกขึ้นมาได้ แต่ไม่อาจช่วยในภาพรวมเป็นบวกได้มากนัก
หุ้นแบงก์ทั้งหมดดังกล่าว ต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงมา 0.25% ทั้งประเภท MOR และ MRR
ดอกเบี้ยที่ปรับลงครั้งนี้ ย่อมส่งผลต่อ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และฝากให้แคบลง
และทำให้อัตรากำไรสุทธิปีนี้ อาจจะปรับลงมาอีก
แบงก์ลงดอกเบี้ยครั้งนี้ ยังไม่ได้ปรับดอกเบี้ยเงินฝากลงมา และหากจะมีการปรับลง ก็เชื่อว่าน่าจะปรับเฉพาะเงินฝากประจำ ส่วนออมทรัพย์นั้น ไม่น่าจะปรับลง เพราะค้อนข้างต่ำอยู่แล้ว
นักวิเคราะห์มองว่า จริง ๆ แล้ว ราคาหุ้นแบงก์ปรับลงมาตั้งแต่ต้นปี
และปัจจุบัน ราคาได้สะท้อนปัจจัยลบต่าง ๆ ไปค่อนข้างมาก จึงแนะนำเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นธนาคารทั้ง SCB BBL KBANK และ KTB รวมถึงหุ้นแบงก์เล็ก เช่น KKP และ TISCO
ยังมีประเด็นที่น่าจับตาต่อไป
นั่นคือ กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีกหรือไม่
และเข้าใจว่า กนง.น่าจะมองเรื่องเทรดวอร์ และค่าเงินหยวนของจีนด้วย
หากสงครามการค้ายังคงถูกยืดออกไปเป็นหนังสติ๊ก
ทาง ธปท.ก็ยังไม่น่าจะลดดอกเบี้ยในระยะอันใกล้นี้อีก
แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป และอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ (ตามอารมณ์ของทรัมป์)
ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ดอกเบี้ยอาจจะปรับลงอีกได้
ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ ก็ต้องมาดีดลูกคิดหาราคาเหมาะสมกันอีกครั้ง