รีบออกของ

*หลายครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นมาหลังจากรูดไปหนัก ๆ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เข้ามาอย่างคับคั่งมักจะทำให้ทุกคนมีอารมณ์ร่วมอยู่เสมอ จนต้องเฮโลรีบเข้าเก็บจนสุดซอยหวังว่าหุ้นจะวิ่งไปได้อีกไกล แต่เหตุการณ์ดังกล่าวสุดท้ายมักจบลงด้วยการทิ้งนักเล่นไว้กลางอากาศอยู่เป็นประจำ จนหลายคนไม่อยากคาดหวังอะไรที่ไกลเกินตัวอีกแล้ว “โมนิก้า” ถือเป็นแนวคิดการลงทุนที่ใช้ได้ดีท่ามกลางบรรยากาศที่ยังขมุกขมัวถือเป็นการ Play Safe ของนักลงทุนที่มีประสบการณ์ตรงอย่างโชกโชนจึงปรับตัวให้รับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันพะยะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หลายครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นมาหลังจากรูดไปหนัก ๆ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เข้ามาอย่างคับคั่งมักจะทำให้ทุกคนมีอารมณ์ร่วมอยู่เสมอ จนต้องเฮโลรีบเข้าเก็บจนสุดซอยหวังว่าหุ้นจะวิ่งไปได้อีกไกล แต่เหตุการณ์ดังกล่าวสุดท้ายมักจบลงด้วยการทิ้งนักเล่นไว้กลางอากาศอยู่เป็นประจำ จนหลายคนไม่อยากคาดหวังอะไรที่ไกลเกินตัวอีกแล้ว “โมนิก้า” ถือเป็นแนวคิดการลงทุนที่ใช้ได้ดีท่ามกลางบรรยากาศที่ยังขมุกขมัวถือเป็นการ Play Safe ของนักลงทุนที่มีประสบการณ์ตรงอย่างโชกโชนจึงปรับตัวให้รับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันพะยะค่ะ

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” คิดเช่นนั้น เป็นเพราะตลาดหุ้นไทยยังไม่มีสิ่งเร้าใจให้นักลงทุนเข้าไปตามเล่นแบบสุดลิ่มทิ่มประตูได้ มาจากงบฯ ไตรมาส 2 ปี 2562 ของบริษัทจดทะเบียนที่ดูแล้วดูอีกก็ยังไม่เห็นความน่าดึงดูด แถมผลงานที่ต่ำลงในไตรมาสนี้จะเป็นตัวฉุดดัชนีให้ลงไปราว 10% จึงได้เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่ 1,640.92 จุดหรือฟื้นกว่า 20 จุดก่อนจะถูกแรงขายจากคนที่อ่านเกมเป็นและรีบออกของตั้งแต่เนิ่น ๆ จนดัชนีมาปิดลบบาง ๆ ที่ 1,619.45 จุด ลบไป 0.78 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.12 หมื่นล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าคะ

*อีกประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกแฮปปี้สักเท่าไหร่นักถึงแม้ดัชนีจะเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมาได้ในภาคเช้า และยังคงสนับสนุนให้เหล่านักเล่นรีบออกของก่อนจะเจ็บตัวหนักเพราะนักลงทุนต่างชาติยังทำหน้าที่เป็นผู้ขายหลักล่าสุดได้ขายหุ้นไทยออกมาอีกเกือบ 4 พันล้านบาท ผสมโรงด้วยโบรกเกอร์กว่า 1.5 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่น ดังนั้นการปรับตัวขึ้นในรอบนี้จึงยังไม่ใช่สัญญาณที่ดีเท่าไหร่นัก

*ประเด็นดังกล่าวดูเหมือนจะสะท้อนให้เห็นภาพได้ดีกับในรายของ BDMS ยังโดนทิ้งออกมาต่อเนื่องทำให้สัญญาณเทคนิคเป็นขาลงอย่างชัดเจน ฟากผลประกอบการยังคงหดตัวหลังเจอค่าใช้จ่ายที่สูงปรี๊ด แถมส่วนแบ่งกำไรลดลงหลังขายหุ้น RAM วันนี้หุ้นถึงลงมาปิดที่ระดับ 23.70 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือ 2.47% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.51 พันล้านบาทงานนี้กว่าจะผ่าด่านหินกลับขึ้นไปได้อีกครั้งเห็นทีจะยากเจ้าค่ะ

*ด้านหุ้น OSP เป็นอีกรายที่ยังวิ่ง (ลง) ตั้งแต่ออกตัวสวนชาวบ้านชาวช่อง เหตุผลง่าย ๆ คือ “ขายทำกำไร หลังจากก่อนหน้านี้หุ้นวิ่งแรลลี่ติดต่อกันมานานจนขึ้นไปทำจุดสูงสุดแถว 37.25 บาท เมื่อนักลงทุนมองเห็นว่าราคาที่ขยับขึ้นไปมันโอเวอร์เกินไปหน่อยเมื่อหมดประเด็นมาบิลต์อารมณ์เพราะราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์มองไว้ใกล้ เต็มมูลค่า เป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นลงมาปิดที่ระดับ 33.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือ 2.21% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 965.34 ล้านบาทยังไงล่ะเจ้าคะ

*เหลือบมาดูหุ้นลีสซิ่งอย่าง ACAP ราคายังไหลยาวและไม่มีทีท่าสะเด็ดน้ำ แถมกำไรไตรมาส 2/2562 ยังทรุดตัวลงมากว่า 60% เหลือ 4.7 ล้านบาท จึงไม่แปลกใจเลยที่ราคาหุ้นวานนี้จะโดนเทออกมาอีกระลอกจนมาปิดที่ระดับ 1.97 บาท ลบไป 0.13 บาท หรือลงไป 6.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.72 ล้านบาท เดินหน้าทำ “ออลไทม์โลว์ต่อเนื่องแบบนี้ เห็นทีครึ่งปีคงต้องเหนื่อยปั๊มกำไรกันหน่อยถึงจะช่วยดึงราคาหุ้นให้กลับมาได้นะเจ้าคะ

*ส่วน XO เป็นอีกรายที่ทำผลงานงวดนี้ออกมาไม่ดีนัก กำไรเหลือแค่ 13.91 ล้านบาท ทรุดจากปีก่อนถึง 68% บรรดาเซียนหุ้นจากสำนักต่าง ๆ ถึงกับกาหัวกระดาษสั่งหลีกเลี่ยงการลงทุน แถมเตรียมพร้อมหั่นเป้าลงอีก ถึงได้เห็นเหล่านักลงทุนขายเทกระจาดหนีตายออกมาจนราคาหุ้นดิ่งลงมาปิดตลาดที่ระดับ 5.80 บาท ลบไป 1.15 บาท หรือลงไป 16.55% มูลค่าการซื้อขาย 59.95 ล้านบาท ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี “เดี๊ยน” บอกได้เลยว่าเห็นทีจะฟื้นยากเจ้าค่ะ!

*ส่วนรายที่ปรับตัวรับกับทุกสถานการณ์คงต้องยกให้ EA หลังจากซึมตัวตามภาวะขาลงไป ถึงคราวทะยานแรงโดนใจเม่าอย่างจัง! ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 49 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 688.18 ล้านบาท ฟากปัจจัยพื้นฐานยังมีสตอรี่หนุนอีกเพียบ ซึ่งเป็นตัวการันตีว่าหุ้นยังแรงได้อีกจ้า งานนี้ทะลุ 49 บาทได้เมื่อไหร่ รอไปเจอกันที่ 53.50 บาทเลยเจ้าค่ะ

*ในรายของ SISB หลังโชว์ผลงานไตรมาส 2/2562 ออกมาด้วยกำไรที่เติบโตถึง 150% แตะระดับ 50 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นวานนี้ไต่ขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.70 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 1.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21.65 ล้านบาท แถมเมื่อดูสัญญาณทางเทคนิค “โมนิก้า” ยังเห็นภาพของการไปต่อแบบชิว ๆ หากใครอยากจะเข้าซื้อตอนนี้ก็ยังไม่สาย หรือจะรอย่อลงมาบริเวณ 7.55 บาท เพื่อรอเก็งกำไรแถว ๆ 8.15 บาท ก็ยังได้นะเจ้าคะ

*ปิดท้ายที่หุ้น CPF ปิดวานนี้ที่ระดับ 28.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉียด 2 พันล้านบาท โดยแรงหนุนรอบนี้เป็นผลมาจากกำไรไตรมาส 2/2562 ที่โชว์ออกมาดีกว่าตลาดคาด เนื่องจากรับผลดีราคาขายสุกร-ไก่ทั้งไทยและต่างประเทศสดใส นอกจากนี้เมื่อส่องดูภาพอุตสาหกรรมส่งออกอาหารยังมีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น แถมมีเงินปันผลหุ้นละ 0.30 บ. ขึ้น XD 28 ส.ค. ยิ่งหนุนให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นแรงและทะลุแนวต้านสำคัญทุกเส้น “เดี๊ยน” เห็นสัญญาณแบบนี้เชื่อว่าราคาหุ้นยังไปต่อได้อีกเพราะรอบนี้มีเป้าหมายเกิน 30 บาท ใครที่เป็นแฟนคลับหุ้นรายนี้เคาะขวารัว ๆ ได้เลยระวังตกขบวนนะเจ้าคะ…อิอิ

Back to top button