SPCG มีกำไร แต่ไม่โต!
เห็นงบไตรมาส 2/62 ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ที่มีกำไรสุทธิ 653 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 659 ล้านบาท บอกเลยว่า สถานการณ์ไม่ค่อยน่าไว้ใจ..!
สำนักข่าวรัชดา
เห็นงบไตรมาส 2/62 ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ที่มีกำไรสุทธิ 653 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 659 ล้านบาท บอกเลยว่า สถานการณ์ไม่ค่อยน่าไว้ใจ..!
หากมองข้ามช็อตไป…นี่เป็นการส่งสัญญาณว่า SPCG จะเริ่มเข้าสู่ยุคถดถอยหรือไม่ ??
เพราะหากย้อนดูงบช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า ทั้งรายได้และกำไรของ SPCG โตน้อยมาก หรือโตในระดับทรงตัวมาโดยตลอด
ปี 2558 มีกำไรสุทธิ 2,190 ล้านบาท จากรายได้รวม 5,057 ล้านบาท ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 2,314 ล้านบาท จากรายได้รวม 5,544 ล้านบาท ปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2,524 ล้านบาท จากรายได้รวม 6,122 ล้านบาท ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 2,613 ล้านบาท จากรายได้รวม 6,046 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,347 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,645 ล้านบาท
SPCG เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์มในเมืองไทย ที่ ณ ตอนนั้นมีกำลังการผลิตในมือกว่า 260 เมกะวัตต์
ในยุคของการเริ่มต้น สิ่งที่ยากลำบากสำหรับ SPCG คือ ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง
ประกอบกับธุรกิจโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มยังเป็นเรื่องใหม่ ทำให้สถาบันการเงินไม่มั่นใจ จึงคิดดอกเบี้ยแพง
ส่งผลให้ SPCG มีหนี้สินค่อนข้างสูง ปี 2558 มีหนี้สินรวม 16,265 ล้านบาท ปี 2559 มีหนี้สินรวม 14,466 ล้านบาท ปี 2560 มีหนี้สินรวม 11,818 ล้านบาท ปี 2561 มีหนี้สินรวม 8,916 ล้านบาท ล่าสุดงวด 6 เดือนแรกปี 2562 มีหนี้สินรวม 8,083 ล้านบาท
แต่…เมื่อหมดยุคของการลงทุน ก็เข้าสู่ยุคของการเก็บเกี่ยวดอกผล…
เห็นได้ชัดจากอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2558 อัตรากำไรสุทธิ 43.30% ปี 2559 อัตรากำไรสุทธิ 41.74% ปี 2560 อัตรากำไรสุทธิ 41.23% ปี 2561 อัตรากำไรสุทธิ 43.23% และงวด 6 เดือนแรกปี 2562 อัตรากำไรสุทธิ 50.94%
แต่สิ่งที่น่าสนใจ รายได้และกำไรของ SPCG จากนี้ไปจะเริ่มนับถอยหลังหรือไม่ ??
เนื่องจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มบางโครงการอายุสัญญาขายไฟฟ้าเริ่มเหลือน้อยลง ไม่ถึง 10 ปีแล้ว
ทำให้ช่วงเวลาอันแสนพิเศษของ SPCG ลดน้อยลงเรื่อย ๆ เช่นกัน
ดังนั้นหาก SPCG ยังมัวแต่กินบุญเก่าต่อไป ก็สุ่มเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
โจทย์ SPCG จึงต้องหาธุรกิจใหม่เข้ามาเสริม ??
ที่ผ่านมา SPCG แก้ปัญหาด้วยการรุกออกไปลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มใหม่ ๆ ในต่างประเทศ
เบื้องต้นอาจจะยังไม่สามารถทดแทนส่วนที่จะหายไปในอนาคตได้…
ล่าสุดจับมือกับ Kyocera Corporation, Japan (Kyocera) เพื่อเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น รวมถึงการไปขายแผงโซลาร์ฟาร์ม
ก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ ถ้าไปได้ดี…ก็คงพอทดแทนส่วนที่หายไปได้บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
จึงต้องฝากความหวังไว้ที่ตลาดโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น…ว่าจะซัคเซสแค่ไหน ??
ยังไงนักลงทุนที่มีหุ้น SPCG ติดอยู่ในพอร์ตอาจต้องเผื่อใจไว้บ้างนะ…
…อิ อิ อิ…