พาราสาวะถี
ยืนยันจาก นายแพทย์สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษา ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติปม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 และการแถลงนโยบายไม่มีรายละเอียดงบประมาณที่จะใช้อันเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ เป็นวาระด่วนพิเศษ พิจารณากันได้ในเดือนกันยายน โดยจอมหลักการยืนยันถกกันเดือนนี้ไม่ทัน เพราะการเป็นเจ้าภาพประชุมสมัชชาอาเซียนเป็นเรื่องใหญ่ต้องให้ความสำคัญ
อรชุน
ยืนยันจาก นายแพทย์สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษา ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติปม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 และการแถลงนโยบายไม่มีรายละเอียดงบประมาณที่จะใช้อันเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ เป็นวาระด่วนพิเศษ พิจารณากันได้ในเดือนกันยายน โดยจอมหลักการยืนยันถกกันเดือนนี้ไม่ทัน เพราะการเป็นเจ้าภาพประชุมสมัชชาอาเซียนเป็นเรื่องใหญ่ต้องให้ความสำคัญ
เงื่อนเวลาเนิ่นช้าจากเดือนสิงหาคมไปแค่ 1-2 สัปดาห์คงไม่เป็นปัญหา และไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายค้านจะต้องตีโพยตีพาย ถึงอย่างไรก็ได้อภิปรายกันแน่ ขอแค่จัดคนให้พร้อม แม่นในเนื้อหา ยิงกระสุนเข้าเป้าเท่านั้นก็พอ ส่วนท่านผู้นำดูจากอ้างวาระงานยาวเหยียด ก็ส่อแสดงอาการว่าไม่อยากมาตอบคำถามของฝ่ายค้าน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงที่ประกาศไปเมื่อสุดสัปดาห์ว่าไม่ได้กลัวสภา ก็แค่พวกปากกล้าขาสั่นหรือดีแต่พูด ซึ่งหากเลือกหนทางแบบนั้นปัญหาก็คงจะจบยาก
วันนี้ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าฝ่ายค้านจะลากไส้สาวกันมาให้เห็นกี่ขดต่อกี่ขด แต่ทั้งหมดมันเป็นเรื่องของการยอมรับข้อผิดพลาดเพื่อหาหนทางแก้ไข อย่างที่บอกไปเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินรับไว้ในกรณีนี้ ยืนยันมาแล้วจาก พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน จะนำเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณา 27 สิงหาคมนี้ ปลายทางคงหนีไม่พ้นจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยก็คงไม่ทำให้การกระทำที่ผ่านมาของรัฐบาลเป็นโมฆะ แต่ว่าเรื่องถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนจะทำอย่างไรอันนี้ก็สุดจะคาดเดาได้
ความจริงในแง่ของข้อเท็จจริงและการยอมรับสภาพความผิดพลาดคงไม่ใช่เรื่องหนักใจของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่จะเข้าไปชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่กลัวคงจะเป็นใจตัวเองมากกว่า เพราะการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาที่ผ่านมา ถูกฝ่ายค้านยั่วหนัก ๆ เข้าก็ออกอาการน็อตหลุดอย่างที่เห็น และเจ้าตัวก็ยอมรับเอง ขนาดพระเตือนว่าให้หัดนับ 1 ถึง 10 ก็ยังทำไม่ได้ แค่นับถึง 3 ก็ไม่ไหวแล้ว นี่สะท้อนความเป็นคนจุดเดือดต่ำได้เป็นอย่างดี
ถ้าลองมาในแนวนี้โดยที่ วิษณุ เครืองาม ยอมเสียหน้าและหลักการด้วยการยกเอาเรื่องไร้สาระอย่างว.5โฟร์ซีซั่นมาเทียบเคียง ก็เป็นไปได้ว่าสุดท้ายท่านผู้นำอาจจะไปตอบคำถามพอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้น่าเกลียด จากนั้นก็มอบหมายให้เนติบริกรข้างกายรับไม้ต่อชี้แจงทุกข้อกังขา โดยอ้างเรื่องของงานล้นมือ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะทำหน้าที่ยกแม่น้ำทั้งห้ามาสนับสนุนแนวทางของเจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริง ทิศทางคงเดินกันไปแบบนี้
ส่วนเรื่องวันเวลาที่จะอภิปรายกันนั้น กางปฏิทินตามที่ครม.ได้อนุมัติการออกพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 18 กันยายนนี้แล้ว ก็เหลือวันพุธที่ 4 และ 11 กันยายนนี้ที่จะเปิดอภิปรายกันได้ ซึ่งการที่ซีกรัฐบาลคุยฟังว่ามีเสียงที่ไม่เปิดเผยตัวตนจากฝั่งตรงข้ามเข้าร่วมด้วย คงพอจะทำให้เบาใจได้ แม้การอภิปรายจะไม่มีการลงมติ แต่คราวต่อ ๆไปการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญโดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 น่าจะอุ่นใจขึ้นมามากโข
โชว์บารมีเปล่งรัศมีเต็มที่ในการเดินทางเข้าพรรคสืบทอดอำนาจเป็นวันแรกของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นอกจากประกาศกระโดดสู่สนามการเมืองเต็มตัวแล้ว ยังการันตีเลือกตั้งคราวหน้าจะต้องได้ส.ส.เข้ามาเป็นกอบเป็นกำมากกว่าหนนี้อย่างแน่นอน แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้คงเป็นคำประกาศิตให้ 5 รัฐมนตรีของพรรคแสดงสปิริตลาออกจากความเป็นส.ส. แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้ไล่ ไม่ได้ตำหนิ แต่ให้คิดเอาเอง คนที่เป็นผู้ใหญ่ในระดับเสนาบดีย่อมตีความหมายได้ไม่ยากว่านี่หมายถึงอะไร
ไม่ใช่การเอาใจพวกปาร์ตี้ลิสต์ที่จ่อคิวจะได้เป็นส.ส.ของทั้งห้าคนยอมขยับ แต่ยังจะเป็นการกำราบแกนนำมุ้งที่เคยปลุกลูกทีมลุกฮือช่วงแบ่งเค้กรัฐมนตรี ถ้าเหลือแต่เก้าอี้ในฝ่ายบริหารจะต้องตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อไม่ให้ถูกปรับออกจะเป็นพวกขาลอยในทันที และการแสดงท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าพรรคนี้ของใครและจากนี้ไปกลุ่มก๊วน มุ้งต่าง ๆ ภายในพรรคต้องไม่มี ขณะเดียวกันการตีกันรัฐมนตรีถ่างขาสองเก้าอี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของเสียงในสภา
ความพ่ายแพ้สองหนจากการลงมติพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ถึงจะอ้างว่าเป็นเรื่องของกรรมาธิการเสียงข้างมากข้างน้อย ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน แต่เป็นการสัญญาณเตือนแล้วว่า รัฐมนตรีที่มีตำแหน่งส.ส.ด้วยนั้นไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งมันสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งหากต้องพิจารณาข้อกฎหมายสำคัญ อันจะทำให้รัฐบาลเสียรังวัดและทำให้ประชาชนหมดความเชื่อถือไปเรื่อย ๆ สั่งเด็ดขาดกันอย่างนี้ อีกไม่นานทั้ง 5 คนคงต้องทำตาม ที่จะกระอักเลือดกว่าใครเพื่อนคงหนีไม่พ้นแกนนำกลุ่มสามมิตร
คลอดมาแล้วมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.16 แสนล้านบาทของรัฐบาล ท่านผู้นำย้ำว่านี่ไม่ใช่การแจกเงิน แต่ก็ยืนยันหลายประเทศในโลกนี้ก็ใช้วิธีที่รัฐบาลไทยกำลังจะทำ แต่น่าสนใจคงเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวที่จะแจกเงิน 1 พันบาทกับผู้ลงทะเบียน 10 ล้านคน ฟัง นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาลแถลง แล้วก็อดที่จะอมยิ้มที่มุมปากไม่ได้ แจกหวังให้คนไปเที่ยวเงินจะได้หมุนหลายรอบ แต่กลับกระตุกเตือนประชาชนว่าให้ประเมินเงินในกระเป๋าของตัวเองด้วย มันหมายความว่ายังไง
เป็นอย่างที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ว่าไว้ การท่องเที่ยวไม่ใช่ปัจจัย 4 ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ คนจะท่องเที่ยวก็ต่อเมื่อมีเงินเหลือกินเหลือใช้ ในสภาพที่ทุกคนหมดหวังกับอนาคตใครจะมีกะจิตกะใจไปเที่ยว ดังนั้น เงินที่ใช้ไปเพื่อการนี้จะสูญเปล่า และบอกต่อว่ามาตรการที่ออกมา เป็นการใช้แบบเบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ บทสรุปของประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยคงโดนใจใครหลายคน รัฐบาลนี้ล้มเหลวมา 5 ปีแล้วยังทำแบบเดิมอีกปีที่ 6 แบบนี้ “ไม่บ้าก็เมา”