ทรัมป์ป่วนโลก
*หากว่ากันตามตรง ต้องยอมรับว่าเกมการเมืองระดับโลกส่งผลโดยตรงกับการทำธุรกิจของประเทศต่าง ๆ อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กระทาชายผู้กลัดมันในอารมณ์อย่าง “ทรัมป์” กลายเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตโลกไปเสียแล้วแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ยากจะต้านทานเสียจริง ๆ เพราะฝั่งคู่ขัดแย้งอย่างประเทศ “จีน” ก็พร้อมจะตอบโต้แบบเกลือจิ้มเกลือเหมือนกันนั่นเองเจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากว่ากันตามตรง ต้องยอมรับว่าเกมการเมืองระดับโลกส่งผลโดยตรงกับการทำธุรกิจของประเทศต่าง ๆ อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กระทาชายผู้กลัดมันในอารมณ์อย่าง “ทรัมป์” กลายเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตโลกไปเสียแล้วแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ยากจะต้านทานเสียจริง ๆ เพราะฝั่งคู่ขัดแย้งอย่างประเทศ “จีน” ก็พร้อมจะตอบโต้แบบเกลือจิ้มเกลือเหมือนกันนั่นเองเจ้าค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ผู้คนมองเกมของคนบ้าอำนาจที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ น่าจะเป็นเกมป่วนโลกเหมือนรอบก่อน ๆ ที่เคยทำมา เพียงแต่เที่ยวนี้มีเรื่องของเงื่อนเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องแสดงอาการเกรี้ยวกราดมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อทำให้ทุกคนโอนอ่อนผ่อนปรนตามความต้องการของขรัวเฒ่ารายนี้ เพราะเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญก่อนวันที่ 1 ก.ย. ตลาดหุ้นทั่วโลกคงดูไม่จืดแหง ๆ เจ้าค่ะ
*โชคดีที่ฝั่งของ “พญามังกร” ยอมอ่อนข้อให้ทางฝั่ง “พญาอินทรี” ส่งผลให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกดีขึ้นในระดับหนึ่ง พร้อมกับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งว่า เรื่องทั้งหมดอาจจบลงในลักษณะแฮปปี้เอ็นดิ้ง! “โมนิก้า” เลยขอแย้งกลับไปว่า ตราบใดที่ “อเมริกา” ยังมอง “จีน” เป็นประเทศที่จะขึ้นมาทาบรัศมี ก็อย่าหวังจะหาความสงบสุขทางด้านเศรษฐกิจกันเลย เพราะของมันเห็นกันมาหลายรอบแล้วว่า ต้องการให้ศิโรราบแทบเท้านะนายจ๋า!
*ฉะนั้นการที่ดัชนีเด้งขึ้นจากจุดต่ำสุดของวันที่บริเวณ 1,609.40 จุด ก่อนจะลงเอยที่บริเวณ 1,622.73 จุด ลบไป 23.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.46 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการวิ่งรับข่าวร้ายที่ทุเลาลงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองเกมหุ้นเที่ยวนี้ให้ลึกลงไปกว่าเดิมอีกนิดหนึ่งว่า วันนี้ควรถือหุ้น 20% และเงินสด 80% จริงไหม? หลังความผันผวนทางอารมณ์ของคนบ้าอำนาจยังพุ่งพล่านตลอดเวลาน่ะซี
*จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ขนาดหัวเรือใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจอย่าง “เฮียกวง” ออกตัวอย่างรวดเร็วว่า อย่าตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นวานนี้ แต่กองทุนตัวแสบกลับสาดหุ้นออกมาสูงถึง 4.18 พันล้านบาท ผสมโรงกับฝรั่งตาน้ำข้าวทิ้งหุ้นกว่า 1.39 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่? เพราะธรรมชาติของนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวต้อง “ขายก่อน” พะยะค่ะ
*โดนหนักเป็นประจำ “ทั้งขึ้น ทั้งล่อง” คงไม่มีใครเจ็บหนักไปกว่าพี่เบิ้ม PTT เพราะราคาไหลรูดลงมาเป็นเดือนแบบไม่มีดิสก์เบรก จนมองไม่เห็นจุดดีดกลับอยู่บริเวณไหน? จากหุ้นที่พยายามประคองตัวยืนแถวราคา 47 บาท ล่าสุดหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 41 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 พันล้านบาท กลายเป็นมูลเหตุที่ทำให้เดี๊ยนต้องทำใจกับการไหลลงไปเรื่อย ๆ จะมีให้เห็นถี่ขึ้นเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ IVL โดนมรสุมถาโถมเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน ย่อมเกิดอาการเป๋ให้เห็นเป็นธรรมดา แถมมองไปข้างหน้าก็มีแต่คนพูดถึงยุคตกต่ำของปิโตรเคมีดาษดื่น จึงกลายเป็นหุ้นที่กองทุนพากันกระหน่ำขายแบบไม่ต้องร้องขอชีวิต เพราะทันทีที่เห็นราคาหุ้นโดนกดลงมาปิดที่ 30.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 11.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.66 พันล้านบาท เหมือนส่งสัญญาณให้รู้ว่า ไม่มีใครเอานะจ๊ะ
*อีกรายที่ไม่ได้ดูมาตั้งนาน มาเห็นอีกทีก็หมดสภาพไปแล้วอย่าง SPRC น่าจะเป็นช็อตของการสละเรืออย่างแท้จริง ถึงทำให้ราคาหุ้นทำ all time low นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นด้วยการลงมาปิดที่ 7.45 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 350 ล้านบาท แถมเมื่อเทียบกับตอนทำ IPO ที่ราคา 9 บาท “โมนิก้า” ถึงกับต้องเกาหัวเหม่ง แกร๊ก..แกร๊ก เพราะไม่รู้จะเอาประเด็นไหนมาพยุงหุ้นไม่ให้ทรุดลงต่อน่ะซี
*คล้ายกับกรณีของ TKN ขายหุ้นออกมาให้พันธมิตร (คำอ้างปกติเวลาหาเงินเข้ากระเป๋า) “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ดูแล้วไม่เวิร์กแน่นอน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ ว่าธุรกิจกำลังอยู่ในช่วง sun set แถมธุรกิจขายสาหร่ายก็มีให้เห็นเกร่อไปหมด หรือแม้กระทั่งคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเป็นกำลังซื้อหลักก็มองไม่เห็นจริง ๆ เดี๊ยนถึงมองราคาปิด 10.90 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 7.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 803 ล้านบาท บน P/E 48 เท่า มันแพงเกินไปจริง ๆ นะคะ
*สำหรับรายที่สะบักสะบอม จนหาทางกลับบ้านไม่เจออย่าง SCC ถือเป็นของแสลงสำหรับพวกกองทุนไปเสียแล้วกระมัง! ถึงทิ้งหุ้นหนักจนเสียรังวัดอย่างไม่น่าเชื่อ ผนวกกับตัวเลขกำไรไม่มาตามนัด “โมนิก้า” ถึงเห็นราคาหุ้นทรุดโทรมลงทุกวัน จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 402 บาท ลบไป 10 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.12 พันล้านบาท พร้อมกับทำ new low ในรอบ 3 ปี 7 เดือน มันหมายความว่าอะไร ทุกท่านคงรู้กันดี! ไม่ต้องให้น้องโมมาชี้นิ้วสั่งหรอกนะ..อิอิอิ